Page 125 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 125

ดุลพาห



                     แนวทางการปฏิรูประบบการกำาหนดโทษอาญา


                  (sentencing reform) ตามแผนการปฏิรูปประเทศ

                   ด้านกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔





                                                                     ดร. ศุภกิจ แย้มประชา*







            ๑. ระบบการกำาหนดโทษอาญา

              ๑.๑ ระบบการกำาหนดโทษอาญาคืออะไร


                     เมื่อกล่าวถึงการกำาหนดโทษทางอาญา (sentencing) มักเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับการใช้
            ดุลพินิจของศาลในการกำาหนดโทษที่จะลงแก่จำาเลยที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิดเท่านั้น

            จนกระทั่งเกิดความเข้าใจว่าการกำาหนดโทษทางอาญาเป็นอำานาจตุลาการ ความเข้าใจดังกล่าว
            มีการถกเถียงกันทั้งในวงวิชาการและในระดับนโยบายของหลายประเทศ กล่าวโดยเฉพาะ
            ในสหราชอาณาจักร ทั้งในอังกฤษ เวลส์ และสกอตแลนด์เป็นที่ยอมรับกันว่าการกำาหนดโทษ

            ทางอาญาเกี่ยวข้องกับทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ แต่ผู้มีอำานาจสูงสุด
            ในการกำาหนดนโยบายในการกำาหนดโทษทางอาญา (sentencing policy) คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ

            กล่าวคือ ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่บัญญัติกฎหมายว่าการกระทำาใดสมควรเป็นความผิดอาญา
            และกำาหนดโทษที่จะลงสำาหรับความผิดนั้นๆ โดยอาจกำาหนดโทษขั้นสูงเพียงอย่างเดียว

            หรือกำาหนดโทษขั้นตำ่าไว้ด้วย ซึ่งศาลมีดุลพินิจที่จะเลือกประเภทและระดับความรุนแรงของโทษ
            ที่จะลงได้ ภายใต้กรอบที่ฝ่ายนิติบัญญัติกำาหนดไว้ อำานาจในการกำาหนดโทษทางอาญาของศาล

            จึงไม่ใช่อำานาจเด็ดขาดและไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าอำานาจดังกล่าวเป็นอำานาจตุลาการ หากแต่เป็นอำานาจ
            ที่ฝ่ายนิติบัญญัติให้ไว้ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง และเป็นอำานาจที่ผู้พิพากษาแต่ละคนต้องใช้




            *  รองเลขาธิการสำานักงานศาลยุติธรรม,  ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
              ด้านกระบวนการยุติธรรม  น.บ.  (เกียรตินิยม)  (ธรรมศาสตร์)  น.ม.  (กฎหมายอาญา)  (ธรรมศาสตร์)
              น.บ.ท. M.A (Criminal Justice) State University of New York at Albany, USA (ทุนรัฐบาล)

              Ph.D (Law) University of Strathclyde, UK (ทุนรัฐบาล).



            114                                                              เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕
   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130