Page 149 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 149

ดุลพาห




            เปิดช่องให้ศาลกำาหนดโทษให้แตกต่างกันออกได้ แต่หากไม่กำาหนดผลผูกมัดใดๆ ของ
            แนวทางการกำาหนดโทษไว้ในกฎหมายเลย ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “แนวทางที่ไม่มีพิษสง”

            (guidelines without teeth) คือ ศาลสามารถเลือกที่จะกำาหนดโทษตามแนวทางหรือไม่
            ก็ได้โดยไม่ต้องระบุเหตุผลและไม่ถูกตรวจสอบ การจัดทำาแนวทางการกำาหนดโทษก็จะเป็น

            การลงทุนที่เสียเปล่า  นอกจากนั้น  โดยที่ศาลมีหน้าที่กำาหนดโทษตามอัตราโทษที่
            ฝ่ายนิติบัญญัติกำาหนดไว้ในกฎหมายอยู่แล้ว การจะกำาหนดหน้าที่เพิ่มเติมให้ศาลต้องกำาหนด
            โทษภายใต้กรอบของแนวทางการกำาหนดโทษด้วยจึงต้องออกเป็นกฎหมายเช่นกัน


              ๗.๕  Sentencing guidelines ที่มีประสิทธิภาพมีคุณลักษณะอย่างไร

                     แนวทางการกำาหนดโทษสามารถจัดทำาขึ้นได้ในหลายรูปแบบ เช่น อาจทำาในรูป

            ตาราง คำาบรรยาย หรืออาจทำาแยกเป็นฐานความผิด หรือรวมทุกฐานความผิด แต่ไม่ว่า
            จะเลือกรูปแบบใด  แนวทางที่ประสบความสำาเร็จในการสร้างความสมำ่าเสมอและ
            ความเสมอภาคในการกำาหนดโทษ กับควบคุมจำานวนผู้ต้องขังในเรือนจำาให้อยู่ในระดับที่

            เหมาะสมจะมีคุณลักษณะที่ร่วมกันหลายประการ ประการแรกคือ ต้องมีสภาพบังคับ
            ตามกฎหมาย คือ ศาลมีหน้าที่ต้องกำาหนดโทษตามแนวทางดังกล่าว เว้นแต่การกำาหนด

            โทษตามแนวทางจะขัดต่อความยุติธรรม ประการที่สองคือ ต้องมีการกำาหนดวัตถุประสงค์
            หลักของระบบการกำาหนดโทษและจัดลำาดับชั้นของความผิดและโทษในระบบกฎหมาย

            ให้ชัดเจนตั้งแต่ในเบื้องต้น อีกทั้งจัดทำาตารางเทียบเคียงความรุนแรงของโทษ (table of
            punishment equivalencies)  สำาหรับโทษจำาคุกและโทษทางเลือกอื่นๆ ไว้ให้ชัดเจน

            และประการสุดท้ายคือ ในการจัดแนวทางการกำาหนดโทษต้องมีการวิเคราะห์และประเมินผล
            การใช้แนวทางต่อความเท่าเทียมกันในการบังคับโทษ (equality  assessment)
            และต่อปริมาณผู้ต้องขังและทรัพยากรของเรือนจำาด้วย (resource assessment)


                     หากจำาแนกตามรูปแบบ ปัจจุบัน sentencing guidelines มีอยู่สองลักษณะ คือ
            ลักษณะที่เป็นลักษณะตารางหรือตัวเลข (numerical guidelines) ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา

            ในระดับรัฐบาลกลางและระดับมลรัฐหลายรัฐตั้งแต่ทศวรรษที่ ๑๙๘๐ เป็นต้นมา กับระบบ
            ที่เป็นคำาพรรณนา (narrative guidelines) ซึ่งริเริ่มในอังกฤษตั้งแต่ช่วงปี ๒๐๐๐ ทั้งสองระบบ

            มีข้อดีคือ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งการควบคุมการใช้ดุลพินิจในการกำาหนดโทษ การใช้
            โทษจำาคุกอย่างจำากัดและการบริหารงบประมาณ กับมีจุดเด่นในเรื่องความโปร่งใสกับการเปิด
            รับการมีส่วนร่วม แต่มีข้อเสียในแง่ความยุ่งยากของการจัดทำาและการใช้งาน






            138                                                              เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕
   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154