Page 147 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 147

ดุลพาห




            ให้การปฏิเสธจะเป็นหน้าที่ของลูกขุนซึ่งจะพิจารณาพยานหลักฐานในส่วนสำาคัญว่าจำาเลย
            กระทำาผิดหรือไม่ ดังนั้น ไม่ว่าศาลในระบบ common law จะกำาหนดโทษบนพื้นฐานของ

            คำารับสารภาพของจำาเลย หรือการวินิจฉัยพยานหลักฐานของลูกขุนในกรณีที่จำาเลยให้การ
            ปฏิเสธ ศาลยังคงขาดข้อมูลที่จำาเป็นในการกำาหนดโทษ ดังนั้น ในระบบนี้จึงแยกขั้นตอน

            การกำาหนดโทษออกเป็นกระบวนพิจารณาต่างหาก เพื่อให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมีโอกาสเสนอ
            ข้อเท็จจริงที่จำาเป็นต่อการกำาหนดโทษต่อศาล ตลอดจนโต้แย้งพยานหลักฐานของแต่ละฝ่าย

            กับให้ศาลมีโอกาสแสวงหาข้อเท็จจริงโดยผ่านรายงานก่อนกำาหนดโทษ (pre-sentence
            report) ที่จัดทำาโดยพนักงานคุมประพฤติหรือนักสังคมสงเคราะห์

                     สำาหรับประเทศ civil law ส่วนใหญ่แล้วแม้จำาเลยรับสารภาพก็ต้องมีการ

            สืบพยาน และการสืบพยานในระบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้ลูกขุน แต่ศาลทำาหน้าที่ทั้งผู้วินิจฉัย
            ข้อเท็จจริงและผู้กำาหนดโทษ คู่ความทั้งสองฝ่ายจะนำาเสนอข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์

            ต่อทั้งการพิจารณาว่าจำาเลยมีความผิดหรือไม่ และการพิจารณาว่าควรกำาหนดโทษจำาเลย
            อย่างไร ในระบบนี้การมีกระบวนพิจารณาเพื่อการกำาหนดโทษที่แยกต่างหากออกไป

            ตลอดจนกลไกในการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในรูปแบบของรายงานก่อนกำาหนดโทษจะ
            ไม่จำาเป็น เพราะหากมีข้อเท็จจริงที่ศาลเห็นว่ามีประโยชน์ เช่น รายงานเกี่ยวกับสภาพจิต

            ของจำาเลย จะมีการเตรียมการตั้งแต่ก่อนขั้นตอนการสืบพยาน

                     รูปแบบการพิจารณาคดีอาญาของไทยมีลักษณะทั้งที่รับมาจากประเทศ civil law
            และ common law กล่าวคือ คดีส่วนใหญ่หากจำาเลยรับสารภาพ ศาลสามารถกำาหนดโทษ

            ได้โดยไม่ต้องมีการสืบพยาน ส่วนคดีที่มีการปฏิเสธ หลังจากศาลพิจารณาพยานหลักฐาน
            ว่าจำาเลยกระทำาความผิดแล้ว ก็จะกำาหนดโทษรวมไปในคำาพิพากษาฉบับเดียวกัน อย่างไร

            ก็ดี ระบบของไทยมิได้นำาลักษณะอันเป็นจุดเด่นของระบบต้นแบบมาใช้ กล่าวคือ ในขณะที่
            ยอมรับว่าคดีส่วนใหญ่ที่จำาเลยรับสารภาพ ไม่ต้องสืบพยานเหมือนประเทศ common law

            แต่กลับไม่มีการกำาหนดให้มี sentencing hearing แยกต่างหากจากการพิจารณาและมี
            บทบัญญัติให้คู่ความเสนอพยานหลักฐานในส่วนของการกำาหนดโทษได้ แม้จะมีบทบัญญัติ
            ให้ศาลสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำาเลยได้แต่ก็เป็นดุลพินิจของศาล

            ซึ่งปรากฏว่ามีการใช้เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับคดีที่ศาลกำาหนดโทษทั้งหมดในแต่ละปี สำาหรับ
            การสืบพยานของไทยก็ไม่เหมือนกับประเทศ civil law อื่นๆ คือคู่ความทั้งสองฝ่ายเสนอ

            พยานหลักฐานในประเด็นว่าจำาเลยกระทำาผิดหรือไม่เท่านั้น สภาพการณ์ที่เป็นอยู่คือไม่ว่า
            ศาลจะกำาหนดโทษเมื่อจำาเลยรับสารภาพหรือหลังจากพิจารณาพยานหลักฐานว่าจำาเลย




            136                                                              เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕
   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152