Page 192 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 192
ดุลพาห
๕. การพักงานลูกจ้างระหว่างดำาเนินกระบวนการบังคับใช้มาตรการทางวินัย
๕.๑ ข้อกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๖ ความว่า “ในกรณี
ที่นายจ้างทำาการสอบสวนลูกจ้าง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำาความผิด ห้ามมิให้นายจ้างสั่ง
พักงานลูกจ้างในระหว่างการสอบสวนดังกล่าว เว้นแต่จะมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำางานหรือ
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้อำานาจนายจ้างสั่งพักงานลูกจ้างได้ ทั้งนี้ นายจ้างต้องมีคำาสั่ง
พักงานเป็นหนังสือระบุความผิด และกำาหนดระยะเวลาพักงานได้ไม่เกินเจ็ดวันโดยต้องแจ้ง
ให้ลูกจ้างทราบก่อนการพักงานในระหว่างการพักงานตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจ่ายเงินให้
ลูกจ้างตามอัตราที่กำาหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำางานหรือตามที่นายจ้างและลูกจ้างได้
ตกลงกันไว้ในข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ทั้งนี้อัตราดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ
ของค่าจ้างในวันทำางานที่ลูกจ้างได้รับก่อนถูกสั่งพักงาน” และมาตรา ๑๑๗ ความว่า “เมื่อการ
สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าลูกจ้างไม่มีความผิด ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเท่ากับ
ค่าจ้างในวันทำางาน นับแต่วันที่ลูกจ้างถูกสั่งพักงานเป็นต้นไป โดยให้คำานวณเงินที่นายจ้างจ่าย
ตามมาตรา ๑๑๖ เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างตามมาตรานี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี”
๕.๒ หลักปฏิบัติ
กฎหมายไม่ได้ระบุหรือให้นิยามศัพท์ว่า “พักงาน” คืออะไร แต่น่าจะแปลความได้ว่า
หมายถึง การที่ลูกจ้างหลุดหรือพ้นจากตำาแหน่งหน้าที่การงานในความรับผิดชอบนั้นเป็นการ
ชั่วคราวในระหว่างการสอบสวนนั่นเอง การหลุดพ้นจากหน้าที่ดังกล่าวทำาได้ไม่เกิน ๗ วัน และ
นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ด้วยไม่น้อยกว่า ๕๐% ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการสอบสวนต้องทำาให้
เสร็จภายใน ๗ วัน
เมื่อครบ ๗ วันแล้ว หากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ก็สามารถสอบสวนและพักงาน
ลูกจ้างต่อไปได้ แต่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเต็ม ๑๐๐% ตั้งแต่วันที่ ๘ เป็นต้นไปเท่านั้นเอง
ซึ่งโดยหลักการแล้ว การสอบสวนทางวินัยควรจะรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำาได้ เพื่อประโยชน์
ในการอำานวยความยุติธรรมแก่ทุกๆ ฝ่ายนั่นเอง
กันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๑ 181