Page 251 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 251
ดุลพาห
ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการกระทำาผิดซำ้าและต้องเข้าแทรกแซงทันทีที่ทำาได้ ไม่จำากัด
ช่วงวัยและไม่มีคำาว่าเร็วหรือช้าเกินไป (never too early, never too late) โดยให้ความสำาคัญ
กับสภาวะผิดปกติทางจิตและผู้กระทำาผิดเกี่ยวกับเพศ การออกแบบมาตรการใดๆ ต้องวางอยู่
บนพื้นฐานของหลัก “ความเสี่ยง-ความจำาเป็น-การตอบสนอง” (risk-need-responsibility)
ซึ่งมีสมมติฐานว่าพฤติกรรมอาชญากรสามารถทำานายล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำาพอสมควร โดย
ควรมุ่งแก้ไขฟื้นฟูผู้มีความเสี่ยงสูงในการกระทำาผิดซำ้า (หลักความเสี่ยง) โดยรูปแบบการแก้ไข
ฟื้นฟูต้องเป็นไปตามความจำาเป็นหรือความต้องการของผู้กระทำาผิดแต่ละคน (หลักความ
จำาเป็น) และตอบสนองต่อความแตกต่างด้านการรับรู้ อารมณ์ และวิถีชีวิตของผู้กระทำาผิด
แต่ละประเภท (หลักการตอบสนอง) โดยต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกมาตรการจะได้ผล และไม่ใช่
มาตรการที่ได้ผลจะได้ผลกับผู้กระทำาผิดทุกคน ท้ายบทนี้ ผู้เขียนยังแสดงให้เห็นจากผลการ
ศึกษาว่าผู้กระทำาผิดซำ้าและผู้กระทำาผิดเรื้อรังส่วนใหญ่จะมีปัญหาทางจิตใจ ครอบครัวและ
สังคมตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งปัญหาเหล่านั้นทำาให้บุคคลดังกล่าวมีปัญหาในแง่พัฒนาการ เมื่อเข้าสู่
ช่วงวัยรุ่นก็ยิ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยเสี่ยงอื่นๆได้ง่าย ทำาให้พฤติกรรมต่อต้านสังคมยังคง
มีอยู่ นอกจากนั้นยังพบว่าในระยะยาวผู้กระทำาผิดซำ้าจะมีคุณภาพชีวิตด้อยกว่าผู้กระทำาผิด
เพียงครั้งเดียวหรือไม่กระทำาผิดคือสุขภาพแย่กว่า การศึกษาตำ่ากว่า ไม่มีงานและครอบครัวที่
มั่นคง และบกพร่องในการทำาหน้าที่บิดามารดา ทั้งนี้ ยิ่งมีพฤติกรรมต่อต้านสังคมเร็วขึ้นเท่าใด
ก็ยิ่งมีโอกาสกระทำาผิดซำ้าและรุนแรงมากขึ้นในช่วงวัยต่อๆ ไปมากขึ้นเท่านั้น ผู้เขียนจึงเสนอว่า
การป้องกันอาชญากรรมและมาตรการแทรกแซงเป็นเรื่องจำาเป็นตั้งแต่ในวัยเด็ก
ในบทสรุป ผู้เขียนสรุปเนื้อหาของบทอื่นๆ ก่อนหน้าและยำ้าให้เห็นความสำาคัญ
ของการศึกษาเรื่องการกระทำาผิดซำ้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีการศึกษาแบบติดตาม
พฤติกรรมเป็นระยะเวลายาวนานเช่นเดียวกับ CSDD กับเน้นยำ้าว่าพฤติกรรมอาชญากรนั้นเป็น
สิ่งที่พยากรณ์ได้ และในอนาคตควรมีการศึกษาวิจัยในรูปแบบเดียวกับ CSDD ให้มากขึ้นเพื่อ
ประโยชน์ทั้งในการทำาความเข้าใจการกระทำาผิดซำ้าและการค้นหามาตรการที่มีประสิทธิภาพ
ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำาผิด
240 เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕