Page 36 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 36

34

                                                                                                                      8

               พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยไม่เคยรับโทษจ าคุกมาก่อน มีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลใน

               ครอบครัว หรือมีเหตุอื่นตามที่อ้างในฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้จ าเลย

                         ๑๔๑๕๐/๒๕๕๘ มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง ๒๔,

               ๗๒ วรรคหนึ่ง ๗๒ ทวิ วรรคสอง ๗๓ ป.อ มาตรา ๓๗๑ ประกอบ ป.อ มาตรา ๘๓ รับสารภาพ ลดโทษให้
               กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑ ปี ๙ เดือน


                         อาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงโดยสภาพ สามารถใช้ท าอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของ

               ผู้อื่นได้ ทั้งอาวุธปืนของกลางทั้งสองกระบอกยังเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงาน
               ประทับ หากน าไปก่ออาชญากรรมแล้ว ย่อมยากแก่การตรวจสอบและติดตามหาตัวผู้กระท าความผิด การที่

               จ าเลยมีและพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนของกลางติตตัวไปบริเวณถนนสาธารณะ และร่วมกับพวก
               จ าหน่ายอาวุธปืนส าหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต นับว่าเป็นการกระท าที่ไม่เคารพเกรงกลัวต่อ

               กฎหมายบ้านเมือง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยไม่มีประวัติการกระท าความผิดมาก่อน

               หรือมีภาระต้องอุปการะบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นตามที่จ าเลยฎีกา ก็มิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอจะรับ
               ฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกแก่จ าเลย


                         ๕๔๒/๒๕๕๙ มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง ๗๒ วรรค
               สาม ๗๒ ทวิ วรรคสอง ป.อ ๓๗๑ ทางน าสืบของจ าเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม

                     ุ
               คงจ าคก ๘ เดือน

                         แม้จ าเลยอ้างว่าปัจจุบันจ าเลยประกอบอาชีพลูกจ้างหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่นและช่วยท างาน
               อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนก็ตาม แต่การที่จ าเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปในที่เกิดเหตุ แล้วใช้อาวุธปืน

               ข่มชู่โจทก์ร่วมกับพวกโดยใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เยี่ยงอันธพาลโดยมิได้มีความย าเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง
               นับว่าเป็นพฤติการณ์การกระท าความผิดที่ร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืนตามค าพิพากษาศาล

               ชั้นต้นให้ลงโทษจ าคุกโดยไม่รอการลงโทษให้จ าเลยนั้น เหมาะสมแล้ว


                         ๕๙๐๙/๒๕๕๙ มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง ๗๒ วรรค
               สาม ๗๒ ทวิ วรรคสอง ป.อ มาตรา ๒๙๕, ๓๖๕ (๒) (๓) ประกอบมาตรา ๓๖๔, ๘๓ รับสารภาพ ลดโทษให้

               กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑๓ เดือน

                         ตามหนังสือรับรองลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ท้ายฎีกาอัยการสูงสุดรับรองฎีกาของจ าเลย

               เฉพาะประเด็นเรื่องขอให้รอการลงโทษเท่านั้น ฎีกาของจ าเลยที่ขอให้ลงโทษสถานเบาเป็นฎีกาในปัญหา
               ข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา จ าเลยกับพวกร่วมกันพาอาวุธปืนเข้าไปในห้องพักของผู้เสียหายทั้งสอง แล้ว

               ร่วมกันท าร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสองจนได้รับอันตรายแก่กายเป็นการกระท าที่อุกอาจ ไม่เคารพย าเกรงต่อ

               กฎหมาย ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสุจริตชน พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ผู้เสียหาย
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41