Page 15 - จุลสารฉบับพิเศษ เล่าขานตำนานศาลายา ประจำปี 2563
P. 15
จุลสาร “เล่าขานต านานศาลายา” ฉบับพิเศษ | ๗
วิธีการจับสัตว์น ้าอย่างหนึ่งที่มีในแม่น ้านี้ คือ การกางโพงพางเพื่อจับ
กุ้งตะเข็บและปลา กางกันกลางแม่น ้านี่แหละ..มีเสา ๓ ต้นปักไว้กลางน ้า
่
ลักษณะของโพงพางเป็นอวนลักษณะเป็นถุงตาข่ายรูปยาวรี ตรงปากตาข่ายหาง
และช่วงปลายตาข่ายจะเล็ก กางตอนน ้าลง และต้องกางช่วงบ่าย พอตกกลางคืน
ก็ต้องตามไฟ (จุดไฟ) ที่เสาที่กางโพงพางกันเรือไม่ให้ชนเสา เวลากางใช้เรือกู้อวน
ซึ่งมี ๒ ล า คือ เรือฉลอมเป็นเรือล าใหญ่จะจอดขวางไว้กลางน ้า และเรือท้ายม้า
คล้ายเรือแจว เมื่อกางโพงพางเสร็จแล้วก็ต้องน าอวนมาตากที่บั้งแป๊ซึ่งเป็นที่
ส าหรับตากอวน ในสมัยก่อนการจับสัตว์น ้านั้นไม่ใช่ใครนึกอยากจะจับก็จับได้
แต่ต้องมีการแจ้งหลวงก่อน และต้องเสียค่าน ้าหรือเสียภาษี เพื่อเป็นการขอ
อนุญาตจับสัตว์น ้า ในกรณีที่ใช้เครื่องมือจับสัตว์น ้าขนาดใหญ่ แต่ถ้าทอดแหหรือ
ใช้เบ็ดตกนั้นไม่ต้องแจ้ง และช่วงที่ปลาวางไข่ คือ อยู่ในช่วงฤดูฝนก็ห้ามจับปลาด้วย
ปัจจุบันก็ยังมีการประกาศอยู่ว่าช่วงไหนไม่ให้ออกเรือจับปลา เห็นได้จากที่
หน่วยงานราชการมีข้อก าหนดหรือนโยบายไม่ให้จับปลาช่วงฤดูที่ปลาวางไข่
ดังเช่นกรมประมงได้ออกประกาศ เรื่องก าหนดฤดูน ้าแดง/เครื่องมือที่ใช้ในการ
ท าการประมงพื้นที่ภาคกลาง เขตนครปฐม เริ่มวันที่ ๑๖ มิถุนายนจนถึงวันที่
๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งฤดูน ้าแดงนี้จะเป็นช่วงระยะเวลาระหว่างเดือน
พฤษภาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งช่วงนี้น ้าในแม่น ้าคลองสูงขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องเพราะปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นจ านวนมาก ได้ชะล้างหน้าดินและพัดพา
ตะกอนธาตุอาหารต่างๆ ลงสู่แม่น ้าล าคลอง จึงท าให้น ้านั้นกลายเป็นสีแดง
็
กุ้งและปลาที่จับได้ขายกันในช่วงนั้นก็ไม่แพงมาก อย่างกุ้งตะเขบที่ได้ก็
จะขายสด ขายกันเป็นกองกองละ ๖ สลึง (กองละประมาณ ๑ ขีด) หรือโลละ