Page 113 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 113

คันหามเสือ                                                      สารานุกรมพืชในประเทศไทย  ค�ำเงำะ
                     Leea angulata Korth. ex Miq.
                     วงศ์ Vitaceae
                        ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. ต้นและกิ่งมีหนาม หูใบคล้ายปีกแคบ ๆ ยาว
                     2.5-5 ซม. ใบประกอบ 2-3 ชั้น แกนกลางเป็นสัน ยาวได้ถึง 25 ซม. ก้านใบประกอบ
                     ยาว 3-6.5 ซม. ใบย่อยรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาว 2.5-15 ซม. ขอบจักซี่ฟัน
                     ก้านใบยาวประมาณ 1 ซม. ช่อดอกออกที่ปลายกิ่ง แผ่กว้าง ยาวได้ถึง 25 ซม.
                     แกนช่อเป็นเหลี่ยมหรือครีบคล้ายปีก ตามข้อมีขน ก้านดอกยาวประมาณ 2 มม.
                     กลีบเลี้ยงรูปถ้วย ยาวประมาณ 2.5 มม. ปลายจักลึกประมาณ 1 มม. มีขนด้านนอก   คันแหลน: ใบเรียงตรงข้าม ดอกแบบช่อเชิงหลั่น แยกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ผลมีช่องอากาศ (ภาพ: พังงา - RP)
                     ดอกสีเขียวอ่อน กลีบดอกเชื่อมติดกันที่โคน ยาว 3.5-4 มม. กลีบรูปไข่ ยาว 2-3 มม.   คางคาก
                     แผ่นก้านชูอับเรณูที่เป็นหมันเชื่อมติดกันประมาณ 2 มม. ก้านชูอับเรณูยาว
                     ประมาณ 1.5 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2 มม. ผลเส้นผ่านศูนย์กลาง   Nyssa javanica (Blume) Wangerin
                     0.7-1 ซม. จักเป็นพู สุกสีน�้าเงินปนเทา (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ กะตังใบ, สกุล)  วงศ์ Nyssaceae
                        พบในภูมิภาคมาเลเซียและภาคใต้ของไทยที่นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา   ชื่อพ้อง Agathisanthes javanica Blume
                     และนราธิวาส ขึ้นตามชายป่าดิบชื้น ริมล�าธาร ความสูง 50-200 เมตร มีสรรพคุณ  ไม้ต้น สูงได้ถึง 40 ม. แยกเพศต่างต้นแกมดอกสมบูรณ์เพศ มีขนสั้นนุ่มตาม
                     บรรเทาอาการปวดจากท้องเสีย                            กิ่งอ่อน แผ่นใบด้านล่าง ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอก ไม่มีหูใบ
                                                                          ใบเรียงเวียน รูปขอบขนานหรือรูปไข่กลับ ยาว 5-20 ซม. ก้านใบยาวได้ถึง 3.5 ซม.
                       เอกสารอ้างอิง                                      ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น ก้านช่อยาว 1-3.5 ซม. ช่อดอกเพศผู้มี 20-40 ดอก
                        van Welzen, P.C. (2010). Leeaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(2): 213.
                                                                          ก้านดอกยาว 1-4 มม. ดอกเพศเมียมี 3-15 ดอก ไร้ก้าน กลีบเลี้ยงรูปถ้วย มี 4-5 กลีบ
                                                                          รูปสามเหลี่ยมแคบ ยาว 4-5 มม. ดอกสีเหลืองอมเขียว มี 4-5 กลีบ รูปไข่กลับ
                                                                          ยาวเท่า ๆ กลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ 8-10 อัน เรียง 2 วง เป็นหมันในดอกเพศเมีย
                                                                          จานฐานดอกหนา รังไข่ใต้วงกลีบ มีช่องเดียว ก้านเกสรเพศเมียสั้น ปลายแยก 2 แฉก
                                                                          ก้านเกสรมีตุ่ม ผลผนังชั้นในแข็ง รูปรีกว้างเกือบกลม ยาวประมาณ 1.5-2.5 ซม.
                                                                          มีเมล็ดเดียว แบน มี 5 สัน ด้านเดียว
                                                                            พบที่อินเดีย ภูฏาน จีนตอนใต้ พม่า ลาว เวียดนาม และภูมิภาคมาเลเซีย ในไทย
                                                                          พบทุกภาค ขึ้นริมล�าธารหรือตามสันเขา ความสูง 800-2500 เมตร

                                                                            สกุล Nyssa L. บางครั้งอยู่ภายใต้วงศ์ Cornaceae มีประมาณ 12 ชนิด ใน
                                                                            อเมริกาเหนือมี 4 ชนิด คอสตาริกา 1 ชนิด และเอเชีย 7 ชนิด โดยเฉพาะที่จีน
                                                                            ในไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลเป็นชื่อนางเงือก ตามลักษณะถิ่นที่อยู่ที่พืชบางชนิด
                                                                            ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะหรือป่าพรุ

                                                                           เอกสารอ้างอิง
                       คันหามเสือ: ต้นและกิ่งมีหนาม หูใบคล้ายปีกแคบ ๆ ดอกสีเขียวอ่อน กลีบเลี้ยงรูปถ้วย ผลจักเป็นพู (ภาพ: ถ�้าพรรณรา   Phengkhai, C. (1981). Nyssaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 402-404.
                     นครศรีธรรมราช - RP)                                    Qin, H. and C. Phengklai. (2007). Nyssaceae. In Flora of China Vol. 13: 301-302.
                     คันแหลน
                     Vidalasia fusca (Craib) Tirveng.
                     วงศ์ Rubiaceae
                       ชื่อพ้อง Randia fusca Craib
                        ไม้พุ่มหรือไม้ต้น อาจสูงได้ถึง 7 ม. กิ่งมีช่องอากาศ ยอดมียางเหนียว หูใบ
                     รูปสามเหลี่ยม กว้างประมาณ 4 มม. ปลายมีติ่งหนาม โคนมีขนและต่อม ใบเรียง
                     ตรงข้าม รูปรี ยาว 5-12 ซม. โคนมักเบี้ยว แผ่นใบมีขนสั้นนุ่มทั้งสองด้าน ก้านใบ
                     ยาว 1-2 ซม. ช่อดอกแบบเชิงหลั่น แยกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ยาว 3-4 ซม. ใบประดับ
                     ขนาดเล็ก ก้านดอกยาว 1-2 มม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ปลายมีติ่งหนาม   คางคาก: ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น มีขนสั้นนุ่ม ดอกเพศเมียไร้ก้าน ผลรูปรีเกือบกลม (ภาพ: ดอยอินทนนท์
                     ยาวประมาณ 3 มม. ดอกรูปดอกเข็ม หลอดกลีบดอกยาว 0.7-1 ซม. มี 5 กลีบ   เชียงใหม่; ภาพดอก - SSi, ภาพผล - RP)
                     ยาว 5-8 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดเหนือจุดกึ่งกลางหลอดกลีบดอก ก้านชูอับเรณู  คำาเงาะ
                     สั้น ก้านเกสรเพศเมียรูปทรงกระบอก ยอดเกสรรูปกระสวย ผลสดมีหลายเมล็ด
                     เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.7 ซม. เปลือกบาง มีช่องอากาศ    Bixa orellana L.
                                                                          วงศ์ Bixaceae
                        พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคใต้ที่กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี ขึ้นตาม
                     เขาหินปูน ความสูงถึงประมาณ 250 เมตร                    ไม้พุ่ม อาจสูงได้ถึง 8 ม. มียางสีแดง มีขนและต่อมรูปโล่สีน�้าตาลแดงหนาแน่น
                                                                          ตามกิ่ง กลีบเลี้ยง และช่อดอก หูใบร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปไข่หรือรูปหัวใจ ยาว
                        สกุล Vidalasia Tirveng. อยู่ในเผ่า Gardenieae ซึ่งรวมพืชบางชนิดในสกุล   7.5-25 ซม. เส้นโคนใบข้างละ 2 เส้น ก้านใบยาวได้ถึง 12 ซม. ปลายก้านบวม
                        Gardenia และสกุล Randia เดิม มี 5 ชนิด พบที่พม่าตอนใต้ เวียดนามตอนบน   ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามปลายกิ่ง ยาว 8-10 ซม. บานครั้งละ 1-2 ดอก
                        และฟิลิปปินส์ ขึ้นเฉพาะตามเขาหินปูน ในไทยมี 3 ชนิด   ใบประดับร่วงเร็ว มีรอยคล้ายเกล็ด ก้านดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ
                                                                          รูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1 ซม. โคนมีต่อม ดอกสีขาวหรือชมพู มี 4-7 กลีบ เรียง
                       เอกสารอ้างอิง                                      ซ้อนเหลื่อม รูปไข่กลับ ขนาดไม่เท่ากัน ยาว 1.5-4 ซม. เกสรเพศผู้จ�านวนมาก
                        Craib, W.G. (1932). Randia fusca. Florae Siamensis Enumeratio Vol. 2: 102.
                        Tirvengadum, D.D. (1998). Noveties in Rubiaceae from the limestone flora of   รังไข่มีช่องเดียว ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1.5 ซม. ผลแห้งแตก รูปรี ยาว
                           southeast Asia. Biogeographica 74(4): 163-175.  2-4.5 ซม. มีขนแข็งสีแดงหนาแน่น ยาว 1-2 ซม. เมล็ดมีปุยสีแดงหุ้ม

                                                                                                                       93






         59-02-089_001-112 Ency_new5-3 i_Coated.indd   93                                                                  3/5/16   4:51 PM
   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118