Page 11 - Publicationa15
P. 11

ปาฐกถาพิเศษ โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม  3



                 ขึ้น ซึ่งเป็นคนละอย่างกับศาลรัฐธรรมนูญทุกวันนี้ เราก็มีตุลาการรัฐธรรมนูญ

                 กันมาหลายปี ตัดอ�านาจจากศาล แยกเอามาให้องค์กรหนึ่งท�าหน้าที่ หน้าที่
                 อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญก�าลังท�าอยู่ทุกวันนี้ และท�าไประยะหนึ่งก็มีเสียงวิพากษ์
                 วิจารณ์ตุลาการรัฐธรรมนูญ หาว่าเป็นศาลการเมือง หาว่าถูกแทรกแซงง่าย หาว่า
                 ไม่มีกระบวนการ ไม่มีกลไก กระบวนการมารองรับที่ชัดเจน ในที่สุดระบบ

                 ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ใช้กันมาหลายสิบปีก็ล่มไป และเกิดมีระบบใหม่ขึ้นมา
                 แทนที่ คือศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เคยมีนั้น เรียกในภาษาอังกฤษว่า
                 ไทรบิวนัล (Tribunal) ไม่ใช่ศาล หรือ court แต่พอมาเป็นศาลรัฐธรรมนูญ
                 ทุกวันนี้ กลายเป็น court คือ ศาล เมื่อเป็นศาลก็ต้องมีพิธีรีตอง มีวิธีพิจารณา

                 มีกระบวนการ เพราะฉะนั้นคนที่ขึ้นบัลลังก์ตัดสินคดีก็เริ่มใส่เสื้อครุย ซึ่งสมัยก่อน
                 ตุลาการรัฐธรรมนูญท่านไม่ต้องสวมครุย เริ่มมีวิธีพิจารณา เริ่มมีการสืบพยาน
                 กระบวนการก็เข้ามาใกล้ชิดติดพันกับความเป็นศาลมากขึ้น และเป็นระบบที่
                 ใช้มา เผลอแป๊บเดียว ก็ 17 ปี เข้าไปแล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบ

                 แต่อย่างน้อยถ้าใครดูรูปร่างหน้าตาในร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างเสร็จแล้ว ก�าลังจ่าย
                 แจกเวียนกันให้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นก็ยังคงยอมรับสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ
                 อย่างเดิมต่อไป อาจจะมีการปรับปรุง อ�านาจหน้าที่บางอย่าง แต่ลงท้ายก็ยัง
                 มีศาลรัฐธรรมนูญต่อไปอีก และต่อไปก็ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดิม ซึ่งก็ต้อง

                 อดทน อดกลั้น เพราะว่าหนีไม่พ้นหรอกครับ ที่ใดที่มีการใช้อ�านาจและเมื่อใด
                 ที่อ�านาจนั้นไปกระทบกับคนเข้า ก็ต้องมีฝ่ายพอใจและฝ่ายไม่พอใจ ฝ่ายไม่พอใจ
                 ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตี ท�าลายชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติคุณ บ่อนท�าลาย
                 ความน่าเชื่อถือ เป็นธรรมดา ศาลยุติธรรมท่านก็โดนมาแล้ว ศาลปกครองก็โดน

                 มาแล้ว ไฉนศาลรัฐธรรมนูญจะโดนไม่ได้
                      เชคสเปียร์ (William Shakespeare) ท่านเขียนมาสามร้อยกว่าปีมาแล้ว
                 ในเรื่อง เมอแชั่นท์ ออฟ เวนิส (The Merchant of Venice) ซึ่งรัชกาลที่ 6
                 แปลมาเป็นไทยว่า ในเรื่อง เวนิสวาณิช และทรงแปล เป็นค�ากลอนภาษาไทย

                 ได้จับใจว่า จงก�าหนดจดจ�าค�าไว้ว่า ในกระแสแห่งยุติธรรมา ยากจะหาความ
                 เกษมเปรมใจ คือในเรื่องของความยุติธรรมนั้น จะเป็นเรื่องที่เกษมเปรมใจ
                 เป็นเรื่องที่ให้เป็นที่พอใจคนไปหมดไม่ได้ โจทก์ชนะ จ�าเลยแพ้ จ�าเลยก็ไม่พอใจ






        _17-0315(001-027)1.indd   3                                        4/27/60 BE   11:52 AM
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16