Page 15 - Publicationa15
P. 15
ปาฐกถาพิเศษ โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม 7
มันต้องมีอะไรสักอย่างมาเหนี่ยวรั้ง มาบังคับ มาตีกรอบ มาก�าหนด มิฉะนั้น
ผู้ปกครองจะท�าอะไรต่อมิอะไรไปตามอ�าเภอใจ แล้วถ้าหากมัน ถึงที่สุด ความ
เดือดร้อนก็จะตกอยู่กับประชาชน คนสมัยก่อนเขาคิดได้นะครับว่าเขาควรจะ
ต้องไปหาอะไรสักอย่างหนึ่งให้มีอ�านาจเหนือไปกว่าพระราชา มหากษัตริย์
ผู้ปกครอง เพื่อที่จะมาก�าหนดกฎเกณฑ์ กติกาครอบไว้ อย่างที่เราพูดกันว่า
เหนือฟ้ายังมีฟ้า และแน่นอนสิ่งที่มนุษย์พึงคิดได้อันดับแรก ก็ไปหาพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้านั้นอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไปหาตัวแทนพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้า
ก็มี นอมินี (nominee) อยู่บนโลก ในทางคริสต์ศาสนา ก็ไปหา “Pope” Pope
เป็นผู้แทนพระผู้เป็นเจ้า ในการที่จะออกค�าสั่งต่างๆ เพราะฉะนั้นเมื่อ
พระมหากษัตริย์ ประเทศใด โดยเฉพาะในยุโรป รังแกประชาชน ประชาชนก็
ไปร้องกับ Pope Pope ก็สั่งห้าม พระราชา มหากษัตริย์ ท่านทรงนับถือ Pope
ท่านก็ต้องยอมแก้ไขตาม และ Pope ก็ได้สั่งไปแล้วได้ผลหลายเรื่อง “Pope”
จึงเป็น คิงอ็อฟคิงส์ (King of King) คือ เหนือกว่าพระราชามหากษัตริย์ทั้งปวง
เพราะ Pope มีอ�านาจในทางธรรม ก็มีบ้างที่กษัตริย์บางประเทศไม่ยอมรับ
นับถืออ�านาจ Pope แต่ Pope ก็มีเดชานุภาพจะเล่นงานได้ เช่น เกณฑ์กองทัพ
ไปรบกับกษัตริย์ประเทศนั้น ท�าสงครามกันซึ่งก็ชนะบ้างแพ้บ้างไปตามเรื่อง แต่
โดยวิธีนี้ Pope ก็ยังมีฐานะฟ้าที่เหนือฟ้า ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักหลักนิติธรรม
ก็รู้จักแต่หลัก“Pope” จนต่อมา เมื่ออ�านาจของ Pope เสื่อมลง พระสันตะปาปา
เสื่อมลง เพราะหลายประเทศปฏิเสธอ�านาจ Pope โดยเฉพาะหลักที่ใครจะเป็น
กษัตริย์ปกครองประเทศในยุโรปต้องมาคุกเข่าให้ Pope สวมมงกุฎ แรกๆ ก็ไป
คุกเข่าสวมมงกุฎดีอยู่หรอก เมื่อขัดข้องต่ออ�านาจ Pope หลายประเทศก็สวม
มงกุฎเอง เช่น นโปเลียน สวมมงกุฎเองไม่ไปคุกเข่าให้ Pope เพราะฉะนั้นเมื่อ
คัดค้านได้คนหนึ่ง ก็สามารถคัดค้านได้ทั่วไป Pope ก็เสื่อมอ�านาจลง คนก็ต้อง
หาที่พึ่งใหม่ที่จะมาเหนี่ยวรั้งอ�านาจของ รัฏฐาธิปัตย์
อ�านาจใหม่ที่มาแทน Pope ที่อ้างกันในยุโรปในสมัยหนึ่ง คืออ�านาจตาม
ธรรมชาติ สิทธิธรรมชาติ กฎหมายธรรมชาติ อะไรก็ตามอ้างธรรมชาติเข้าไว้
เมื่อตอนที่ โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) ประกาศอิสรภาพ แยก
อเมริกาออกจากอังกฤษ ทั้งๆ ที่อเมริกา เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ แต่เมื่อจะ
_17-0315(001-027)1.indd 7 4/27/60 BE 11:52 AM