Page 175 - Publicationa15
P. 175
เสรีภาพในการชุมนุมกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 167
ประเด็นที่ 2 การก�าหนดให้ “ศาล” เข้ามามีบทบาทและ
อ�านาจหน้าที่เกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะมีความไม่เหมาะสมบางประการ
ดังนี้
1) การบัญญัติเฉพาะเจาะจงให้ศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดที่มี
เขตอ�านาจเหนือสถานที่ที่มีการชุมนุม มีอ�านาจพิจารณาวินิจฉัยคดีตาม
กฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะเขตอ�านาจของศาลปกครอง และ
ศาลยุติธรรม (ในส่วนคดีแพ่ง) ได้มีกฎหมายบัญญัติขอบเขตการใช้อ�านาจ
ไว้อย่างชัดแจ้ง กล่าวคือ หากเป็นคดีแพ่งจะอยู่ในเขตอ�านาจของศาลแพ่ง
ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลจังหวัด ฯลฯ แล้วแต่กรณี และหากเป็น
คดีปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 223
และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
บัญญัติให้อยู่ในเขตอ�านาจของศาลปกครอง ซึ่งหมายความถึงศาลปกครองกลาง
และศาลปกครองในภูมิภาคที่ตั้งอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ของประเทศ กฎหมาย
ว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ ก�าหนดกรอบการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของ
ประชาชน และก�าหนดอ�านาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการบังคับใช้กฎหมาย
เพื่อคุ้มครองการใช้เสรีภาพในการชุมนุมและเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ
ซึ่งตามหลักการแล้วเป็นเรื่องในทางปกครอง เช่น เจ้าหน้าที่ผู้รับค�าขอผ่อนผัน
ก�าหนดเวลายื่นขอชุมนุม (มาตรา 14) การประกาศให้พื้นที่บริเวณที่มีการ
ชุมนุมสาธารณะเป็นพื้นที่ควบคุม (มาตรา 16 วรรคหนึ่ง) ค�าสั่งให้ปิดการจราจร
(มาตรา 20) เป็นต้น และโดยที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 223 บัญญัติให้ศาลปกครอง
มีอ�านาจพิจารณาพิพากษาคดีพิพาทระหว่างรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน
ซึ่งแตกต่างจากหลักการพิจารณาคดีของศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดที่มีหลักการ
และฐานคิดว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่เป็นเอกชนกับเอกชนมีความเท่าเทียมกัน
ดังนั้น เรื่องที่พิพาทกันในทางปกครองระหว่างประชาชนผู้ชุมนุมเช่นนี้ จึงควร
ได้รับการพิจารณาพิพากษาในศาลปกครอง
ประการส�าคัญ ข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการชุมนุม อาจเกิดขึ้น
ได้ทั้งข้อพิพาทในทางปกครอง ทางแพ่ง และทางอาญา บทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ใดๆ จึงไม่ควรบัญญัติให้เหตุที่เกิดขึ้นทุกลักษณะแห่งคดี ต้องอยู่ภายใต้
_17-0315(141-177)8.indd 167 4/27/60 BE 11:57 AM