Page 341 - Publicationa15
P. 341
ศาลรัฐธรรมนูญกับการสร้างบรรทัดฐานทางรัฐธรรมนูญ 333
อันเป็นอ�านาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่มีกระบวนการเป็นการเฉพาะตาม
รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 อยู่แล้ว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ให้เหตุผลในค�าวินิจฉัย ว่า
เรื่องอาณาเขตของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องส�าคัญอย่างยิ่ง เป็นปัญหาที่
ละเอียดอ่อนและอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไปภายหน้าได้
โดยเฉพาะกรณีปราสาทพระวิหารที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ โต้เถียงกัน
ในเรื่องของเส้นเขตแดนและขอบเขตที่ปราสาทตั้งอยู่ เป็นกรณีอาจก่อให้เกิด
การแตกแยกทางความคิดเห็นของคนในสังคมทั้งสองประเทศ จึงจ�าเป็นต้องให้
ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน โดยไม่จ�าเป็นต้องให้ได้ข้อยุติว่าเป็นกรณี
มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยอย่างชัดเจน อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบ
ในเรื่องอาณาเขตต่อไปได้
ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในปี 2554 แก้ไข
เพิ่มเติมให้ด�าเนินการจัดให้มีกฎหมายตามมาตรา 190 วรรคห้า ภายใน 1 ปี
แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา
190 วรรคสอง อย่างใด ยังคงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสอง
ไว้ตามเดิมทุกประการ ค�าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า กรณีเป็นหนังสือ
สัญญาที่ “อาจ” มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย ต้องได้รับความเห็นชอบของ
รัฐสภานั้น ยังคงเป็นบรรทัดฐานทางรัฐธรรมนูญต่อไป
ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมืองได้มี
ค�าพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม.63/2558 วินิจฉัยในคดีคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยื่นฟ้องนายนพดล ปัทมะ เป็นคดี
อาญาฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ไว้ว่า
ค�าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 6–7/2551 มีผลผูกพันศาลฎีกาแผนก
คดีอาญาของผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมืองตามความในมาตรา 216 วรรคห้า
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
และเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้อ�านาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญา
ของผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมือง หรือองค์กรอื่น มีอ�านาจในการวินิจฉัยเพิกถอน
ค�าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้แล้ว ก็ต้องถือว่าค�าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ที่ 6-7/2551 เป็นเด็ดขาด จ�าเลยย่อมไม่อาจโต้แย้งได้ว่า ค�าวินิจฉัยของ
ศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
_17-0315(306-336)15.indd 333 4/27/60 BE 11:58 AM

