Page 22 - โครงการทงเลม สมบรณ2_Neat
P. 22
3.3 กรณีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ เบลเยี่ยมมีโรงงานหลายแห่งที่ สามารถนําวัสดุ
ดังกล่าวกลับมาใช้ 50,000 ตันต่อปี โดยเฉพาะพลาสติกที่นํากลับมาใช้ได้ในปี 2540 ในปริมาณ 10,000
ตัน โดยการนําไปเผาในเตาอบซีเมนต์ ซึ่งก่อให้เกิดพลังงานอีกด้วย และ คาดว่าปริมาณดังกล่าวจะ
เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 – 80,000 ตันต่อปี
3.4 ในปี 2540 เช่นกัน เบลเยียมนําวัสดุกระดาษและไม้กระดานกลับมาใช้ใน ปริมาณ 1 ล้าน
ตัน แต่อุตสาหกรรมทั้งสองดังกล่าว ก็ยังต้องพึ่งพาวัตถุดิบนําเข้าที่ผ่านกระบวน การนํากลับ
4. คณะกรรมาธิการฯ ได้ประเมินอัตราการเรียกคืนและการนํากลับมาใช้แล้วพบว่า เนื่องจาก
ตลาดเบลเยียมมีขนาดเล็ก ระบบการเรียกคืนและนํากลับมาใช้ของเบลเยียมจะไม่ก่อให้ เกิดการ
บิดเบือนทางการค้า แต่ก็เห็นว่าควรก่อตั้งองค์กรเพื่อตรวจสอบระบบดังกล่าวเป็นระยะๆ นอกจากนี้ ยัง
ได้พิจารณาถึงอุปสรรคต่อระบบการเรียกคืนหรือนํากลับมาใช้ของประเทศสมาชิกอื่นๆ ขอบเขตของ
มาตรการ ตลอดจนข้อกีดกันทางการค้าที่อาจเกิดจากการปกป้องทั้งทางตรงหรือทาง อ้อมของ
อุตสาหกรรมการผลิตของใช้แล้วในประเทศสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่ง ในที่สุดคณะ กรรมาธิการฯ
เห็นควรให้เบลเยียมนํามาตรการการเรียกคืนและนําวัสดุบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ที่ เสนอมาบังคับใช้ได้
และออกประกาศคําตัดสินรับรองการปฏิบัติของเบลเยียม ด้วยเหตุผลดังนี้
4.1 เบลเยียมมีความสามารถที่เพียงพอในการเรียกเก็บและนําวัสดุบรรจุภัณฑ์ กลับมาใช้
4.2 มาตรการดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดการบิดเบือนทางการค้าในสหภาพยุโรป
4.3 มาตรการดังกล่าวไม่เป็นอุปสรรคต่อระบบการเรียกเก็บ และนําวัสดุบรรจุภัณฑ์ กลับมาใช้
ของประเทศสมาชิกอื่น
4.4 มาตรการนี้ครอบคลุมวัสดุบรรจุภัณฑ์จากทุกแหล่ง
4.5 มาตรการนี้จะไม่เป็นข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก
3. วิเคราะห์กฎระเบียบด้านบรรจุภัณฑ์ของสหภาพยุโรปกับหลักเกณฑ์ของ WTO
เมื่อพิจารณากฎระเบียบกลางของสหภาพยุโรป จะเห็นว่า โดยหลักการและกฎระเบียบ
ดังกล่าวใช้บังคับกับสินค้าทั่วไปในตลาดสหภาพยุโรป โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าจะมาจากประเทศใด และ
หากผู้ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว ก็สามารถจําหน่ายในตลาดได้ ซึ่งไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ สําคัญ
ขององค์การการค้าโลก (WTO) ทั้ง 3 ประเด็น คือ
การบรรจุภัณฑ์ 19