Page 190 - ED 211
P. 190

การมองปัญหาเชิงกระบวนทัศน์และการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์สู่การมองโลกแบบองค์รวม  และการ

                   ปฏิรูปการศึกษา


                   ผลกระทบของการศึกษาในยุคทันสมัยต่อชุมชนและสังคมไทย

                               การจัดการศึกษาด้วยมาตรฐานเดียวสู่การศึกษาสูงสุด คือ การศึกษาระดับอุดมศึกษา  และ

                   ใช้วุฒิทางการศึกษาเป็นเกณฑ์ในการจัดสรรคนเข้าสู่งานนอกภาคเกษตรกรรม  รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้าน

                   การศึกษาที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานการครองชีพของคนส่วนใหญ่  กอปรกับสภาวะการชะงักงัน
                   หรือเสื่อมถอยในภาคเกษตรกรรม  ท าให้การศึกษานอกจากจะไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั้ง

                   สังคมแล้ว  ยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อชุมชนและสังคมไทยหลายประการ

                               ผลกระทบที่ส าคัญของการศึกษาในระดับสังคมไทย  เป็นผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ าใน
                   สังคม  แม้ว่าแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือ

                   ในการพัฒนาเศรษฐกิจ  ได้ท าให้รายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2,100 บาทต่อคนในปี

                   พ.ศ.2504 เป็น 68,000 บาท ในปีพ.ศ.2538 หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 32 เท่า (แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
                   สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 หน้า 3)  และเพิ่มขึ้นเป็น 133,877 บาทต่อคนในปีพ.ศ.2557 (รายได้ประชาชาติ

                   ของไทย พ.ศ.2557 แบบปริมาณลูกโซ่.  2559: 4)  หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 63 เท่าจากปีพ.ศ.2504  รวมทั้ง

                   แนวทางดังกล่าวยังท าให้มีการขยายโอกาสทางการศึกษาเพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการศึกษาภาค
                   บังคับ และการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น  ดังจะเห็นได้จากการขยายการศึกษาภาคบังคับจากเดิมที่เคย

                   ก าหนดไว้ 4 ปีในแผนการศึกษาชาติ พ.ศ.2489 เป็น 7 ปีในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2503  และต่อมา

                   แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2520  ซึ่งปรับการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษาเป็นตอนเดียว ได้ลดเวลา
                   เรียนเหลือ 6 ปี  ต่อมาแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 5  ได้ก าหนดให้เด็กที่มีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ ได้มีโอกาสรับ

                   การศึกษาทุกคนควบคู่ไปกับการขยายการศึกษาในระดับมัธยมต้น และต่อมาแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 ได้

                   ขยายการศึกษาภาคบังคับเป็น 9 ปี  ซึ่งท าให้ในปีพ.ศ.2558  จ านวนปีการศึกษาเฉลี่ยของคนวัย 15-59 ปี
                   เพิ่มขึ้นเป็น 10.1 ปี  (แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 หน้า 8)  (ดูตารางที่ 3 )  การ

                   ขยายโอกาสทางการศึกษาดังกล่าวยังท าให้เห็นว่าสัดส่วนของแรงงานที่ส าเร็จการศึกษาต ่ากว่า

                   ประถมศึกษาปีที่ 6 ลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 68 ในปีพ.ศ. 2529 เหลือเพียงร้อยละ 31 ในปีพ.ศ.
                   2552  และกลุ่มแรงงานที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.75 เป็นร้อยละ 11.79 (มิ่ง

                   สรรพ์ ขาวสะอาด และณัฎฐาภรณ์ เลียมจรัสกุล.  2556: 30)  แต่รายได้ประชาชาติต่อหัวที่เพิ่มขึ้นรวมทั้ง

                   จ านวนปีที่อยู่ในระบบการศึกษานานขึ้น  ไม่ได้ท าให้ปัญหาความเหลื่อมล้ าด้านการศึกษาที่ด ารงอยู่คลาย
                   ตัวลง  ในทางตรงกันข้าม  กลับเพิ่มสูงขึ้น  ดังรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความ

                   เหลื่อมล้ าในประเทศไทย ปีพ.ศ.2558  ด้านการศึกษาที่พบว่า  ความเหลื่อมล้ าด้านการศึกษาของไทย

                   เริ่มมีความเหลื่อมล้ าตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและมีความเหลื่อมล้ ามากขึ้นในระดับปริญญาตรี





                                                      เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 115
   185   186   187   188   189   190   191   192   193   194   195