Page 192 - ED 211
P. 192

8
                   การศึกษาภาคบังคับของเด็กในชนบท   ในช่วงเวลาที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7
                   พ.ศ.2535-2539 วางนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในระบบและนอกกระบบ

                   ให้กับประชาชน  ได้วิเคราะห์การขยายโอกาสทางการศึกษาจากมุมมองของคนในชุมชนชนบทว่า  คนใน
                   ชนบทตอบสนองนโยบายการขยายโอกาสในเชิงบวก และหันมาให้คุณค่ากับการศึกษาในระบบโรงเรียน

                   ดังข้อความตอนหนึ่งว่า


                               คนชนบทรับรู้ถึงความเสียเปรียบของตนเองในสังคมที่ก าลังเปลี่ยนไป และเริ่มมองหาทาง

                               ออกให้กับตนเอง  ครอบครัวและลูก ๆ  ภายใต้เงื่อนไขที่จ ากัด  ชาวชนบทมองว่าการให้

                               การศึกษากับลูกน่าจะเป็นทางออกที่เป็นไปได้  ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
                               ชาวชนบทให้คุณค่ากับการศึกษาสูงมาก  และได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้การศึกษาแก่ลูก

                               ให้มากที่สุด  พ่อแม่ชนบทตระหนักดีว่า  ผู้ที่มีการศึกษาเพียงแค่ระดับป. 6  จะมีอนาคตที่ดี

                               ไปไม่ได้   ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า  อาชีพการท าไร่นาเป็นอาชีพที่ชาว
                               ชนบทเห็นว่าคนที่มีทางเลือกอื่นไม่ควรท า  ชาวชนบทมองการท าไร่นาของตนเองว่าเป็น

                               อาชีพที่ไม่มีอนาคต  เป็นงานที่เหนื่อยยาก  เสี่ยงต่อการเป็นหนี้สิน  ในปัจจุบันชาวชนบทได้

                               สูญเสียความมั่นใจในงานอาชีพของตนเอง  โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบงานที่ตนเองท าอยู่

                               กับอาชีพอื่น ๆ นอกภาคเกษตรกรรม   (นภาภรณ์ หะวานนท์.  2540: 76)

                              การให้คุณค่ากับการศึกษาในระบบโรงเรียนในฐานะเครื่องมือที่ท าให้คนรุ่นลูกมีอาชีพที่มี

                   รายได้มั่นคง  มีชีวิตที่สุขสบาย  ไม่ต้องท างานในไร่นาหรือเป็นแรงงานรับจ้าง  มีนัยถึงการเปลี่ยนทัศนะใน

                   การมองความรู้และกระบวนการเรียนรู้  เพราะความรู้ในการประกอบอาชีพเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้จาก
                   โรงเรียนและมหาวิทยาลัย  ไม่ได้เรียนรู้จากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเช่นในอดีตที่ผ่านมา  ส่วนคนมี

                   ความรู้ก็คือ คนที่มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ  ทัศนะดังกล่าวจึงท าให้คนชนบทมองไม่เห็น

                   ความส าคัญของการให้ลูกที่ก าลังเรียนหนังสือมาช่วยงาน ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้การท างานในภาค
                   เกษตรกรรมอีกต่อไป  เมื่อไม่มีการสืบสานความรู้จากคนรุ่นพ่อแม่ไปสู่คนรุ่นลูก  ความรู้ที่สะสมอยู่ในตัว

                   บุคคลจึงค่อย ๆ เลือนหายไป  ท าให้ความรู้ของชุมชนถูกแทนที่ด้วยความรู้สมัยใหม่  และเกิดสภาวะของ

                   การพึ่งพิงความรู้จากภายนอก  แทนที่จะบูรณาการความรู้สมัยใหม่กับความรู้เดิมที่มีอยู่มากมายในชุมชน
                   นอกจากนั้น  ความรู้สมัยใหม่ที่เรียนรู้จากโรงเรียน  ยังท าให้คนรุ่นใหม่แปลกแยกจากความรู้ที่สะสมอยู่ใน

                   ชุนชน  หรือไม่คิดว่าเป็นความรู้  แต่การที่ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในระดับที่สูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ

                   เป็นรายจ่ายที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากภาคเกษตรกรรมที่มักต่ าและมีความไม่แน่นอน



                               8  ผู้วิจัยเลือกพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นสนามของการศึกษา  เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ระดับ
                   ลึกและจัดกลุ่มสนทนาในช่วงปลายปี พ.ศ.2534-ปลายปี พ.ศ.2535



                                                      เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 117
   187   188   189   190   191   192   193   194   195   196   197