Page 197 - ED 211
P. 197
การทบทวนแผนพัฒนาฯ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 7 พบว่าก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแนว
ทางการพัฒนา ประเทศไทยมีปัญหาที่สะสมนานัปการ ดังเช่นแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 5 วิเคราะห์ว่า
ประเทศไทยเผชิญปัญหาที่ส าคัญ 3 ประการ คือ 1) ปัญหาด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจและฐานะการเงิน
ของประเทศ เนื่องจากมีการใช้จ่ายเกินตัวทั้งในระดับระหว่างประเทศ ระดับรัฐบาล และประชาชน จึงท า
ให้มีการขาดดุลการค้าและงบประมาณขาดดุลเพิ่มทวีมากขึ้นจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อฐานะความมั่นคง
ทางเศรษฐกิจและฐานะทางการเงินของประเทศ 2) ปัญหาความเสื่อมโทรมของฐานทรัพยากรธรรมชาติ
และภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทรุดโทรมลง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากลักษณะ
การขยายตัวเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของระบบเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา ซึ่งท าให้เกิดผลกระทบและปัญหา
หลักในสองด้านคือ สภาพเสื่อมโทรมของทรัพยากรที่ดิน แหล่งน้ า ป่าไม้ และแหล่งประมง ความแออัด
ในเมืองและความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมในกรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจาก “การรวมตัว” ของ
กิจการอุตสาหกรรมและกิจกรรมเศรษฐกิจต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และ 3) ปัญหาทางด้านสังคม เช่น ปัญหาด้าน
วัฒนธรรม ค่านิยม สุขภาพจิต ปัญหายาเสพติด ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาความ
ยากจนในชนบท (แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5: 2-4) ส่วนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 วิเคราะห์ว่าการน าทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ในอัตราที่สูง และการขาด
ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ท าให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลงอย่าง
รวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากพื้นที่ป่าของประเทศซึ่งลดลงเหลือน้อยกว่า 90 ล้านไร่ หรือน้อยกว่าร้อยละ 28
ของพื้นที่ทั้งหมดในปี พ.ศ.2532 การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว รวมทั้งการ
ขยายตัวของประชากรในเมือง ได้ก่อให้เกิดปัญหามลพิษในด้านต่าง ๆ เช่น น้ าเน่า อากาศเสีย เสียง
รบกวน กากของเสียและสารอันตรายซึ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้น คุณภาพน้ าในแม่น้ าสายหลัก และน้ าทะเล
ชายฝั่งในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม และมีคุณภาพต่ ากว่ามาตรฐานที่ก าหนดไว้ (แผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7: 4)
แม้ว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาหลังเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ แต่การ
ตระหนักถึงผลกระทบเชิงลบหรือปัญหาวิกฤติจากการพัฒนาประเทศตามแนวคิดการพัฒนาไปสู่ความ
ทันสมัยว่าเป็นปัญหาอันเนื่องมาจากฐานคิดแบบแยกส่วนได้เกิดขึ้นในโลกในช่วงทศวรรษ 1960-1970
เพราะมองว่าปัญหาวิกฤติเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงกระบวนทัศน์ ไม่ใด้เป็นปัญหาวิกฤติเฉพาะเรื่องหรือ
เฉพาะด้าน เนื่องจากปัญหาสะท้อนถึงทัศนะในการมองความเป็นจริงแบบแยกส่วนซึ่งน ามาสู่ทางตันของ
การพัฒนา การแก้ปัญหาหรือการออกจากทางตันของการพัฒนาจึงต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการ
มองโลกชุดใหม่ เพื่อก าหนดแนวทางการพัฒนาที่สมดุลเป็นองค์รวม ฟริตจ๊อฟ คาปร้า (Fritjof Capra)
นักฟิสิกส์ซึ่งมีบทบาทส าคัญในการน าเสนอทัศนะดังกล่าวในงานเรื่อง จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ: ทัศนะ
แม่บทเพื่อการปฏิวัติวัฒนธรรมแบบใหม่ หรือ The Turning Point: Science, Society, and the Rising
Culture ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในฉบับภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ.1982 ได้นิยามความหมายของทัศนะแบบองค์
เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 122