Page 198 - ED 211
P. 198

รวม (Holistic View) ว่า  “หมายถึงทัศนะที่ถือว่า ความเป็นจริงทั้งหมดของสิ่งใด ย่อมมีคุณสมบัติส าคัญ

                   เฉพาะตน  ซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้โดยการแยกสิ่งนั้นออกเป็นส่วนย่อย ๆ  แล้วศึกษาจากคุณสมบัติของ

                   ส่วนย่อย ๆ นั้น  แม้จะเอาคุณสมบัติของส่วนย่อย ๆ นั้นมารวมกันก็ไม่สามารถเทียบความหมายหรือ
                   ความส าคัญกับคุณสมบัติขององค์รวมเดิมไว้”  โดยคาปร้า มองว่ากระบวนทัศน์แบบกลไกแยกส่วนแบบ

                   เดส์การ์ตส์และนิวตันซึ่งเป็นกระบวนทัศน์แบบฟิสิกส์ยุคเก่าและถูกโต้แย้งโดยฟิสิกส์ยุคใหม่ในช่วงต้น

                   ศตวรรษที่ 20 นั้น  มีข้อจ ากัดในการท าความเข้าใจวิกฤตการณ์ที่โลกก าลังเผชิญอยู่  เนื่องจากมองว่าการ
                   ด ารงชีวิตของมนุษย์สัมพันธ์เกี่ยวโยงกันไปทั้งโลก  ปัญหาหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ จึงสานกันเป็น

                   เครือข่ายโยงใย  จึงต้องมองความเป็นจริงด้วยทัศนะแบบองค์รวม  ซึ่งเขาเห็นว่าการเปลี่ยนทัศนะนี้เป็นสิ่ง

                   ที่เกิดขึ้นและสามารถสังเกตเห็นได้ทั่วไป  งานเขียนของเขาจึงเป็น  “การเสนอกรอบโครงทางความคิด
                   เพื่อช่วยให้ขบวนการเคลื่อนไหวได้ตระหนักถึงจุดมุ่งหมาย.....เพื่อก่อให้เกิดแรงอันทรงพลังเพื่อการ

                   เปลี่ยนแปลงสังคม”  โดยนัยนี้ ตามทัศนะของคาปร้า ศตวรรษที่ 20 จึงเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยน

                                                                                                   9
                   กระบวนทัศน์  จากทัศนะแบบกลไกแยกส่วนแบบเดส์การ์ตส์และนิวตันมาเป็นทัศนะแบบองค์รวม ซึ่งเป็น
                   การเปลี่ยนแปลงขั้นปฐมฐานในทางความคิด  การรับรู้โลกและระบบคุณค่า  ดังข้อความตอนหนึ่งว่า



                               โลกทัศน์แบบกลไกแยกส่วนของเดสการ์ตส์มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อศาสตร์ทุกแขนง  และต่อ
                               แนวทางความคิดโดยทั่วไปของตะวันตก  วิธีการลดทอนประสบการณ์ซึ่งซับซ้อนลงเหลือ

                               หน่วยย่อยขั้นพื้นฐาน  และท าการศึกษากลไกการท างานภายในหน่วยย่อยขั้นพื้นฐานเหล่านี้

                               ได้กลายเป็นวิธีการที่ฝังลึกลงในวัฒนธรรมของเรา  โดยมักเห็นกันว่าวิธีการดังกล่าวเป็น
                               อย่างเดียวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์  ความเห็น  ทัศนะหรือความคิดใดที่ไม่เข้ากับกรอบ

                               โครงของวิทยาศาสตร์แบบฉบับ  จะไม่ได้รับความสนใจอย่างจริงจัง  และมักถูกรังเกียจ
                               เดียดฉันท์หากไม่ถูกหัวเราะเยาะเอา  ผลที่สืบเนื่องมาจากการมุ่งเน้นหนักแต่เฉพาะ

                               วิทยาศาสตร์แบบลดส่วนมากเกินไปนี่เอง  วัฒนธรรมของเราจึงเป็นแบบแยกส่วน  กระจัด

                               กระจายขึ้นทุกที  ทั้งได้พัฒนาเทคโนโลยี  สถาบัน  และวิถีการด าเนินชีวิตที่ไม่ปกติสมบูรณ์

                               ขึ้นมาด้วย.....การเติบโตทางเทคโนโลยีมากเกินไป  ได้สร้างสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่งขึ้นมา  ซึ่ง
                               ท าให้ชีวิตเกิดความไม่ปกติสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ  อากาศเน่าเสีย  เสียงรบกวน

                               การจราจรคับคั่ง  สารเคมีเป็นพิษ  อันตรายจากกัมมันตภาพรังสี  และสาเหตุอื่น ๆ อีก
                               มากมายที่สร้างความกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจ  สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งใน

                               ชีวิตประจ าวันของเราส่วนใหญ่ไปแล้ว  สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาวะจ านวนมากมายนี้  มิใช่




                               9  ในปาฐกถาชเรอดิงเจอร์ 1997  โยงใยแห่งชีวิต  ฟริตจ๊อฟ คาปร้า  เรียกกระบวนทัศน์แบบองค์รวมว่าการคิดเชิง
                   ระบบ (Systems Thinking)  ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1920  เขามองว่าการคิดเชิงระบบหมายถึงการเปลี่ยนย้ายมุมมองจาก
                   องค์ประกอบสู่องค์รวม  ซึ่งท าให้ย้ายจุดเน้นจากวัตถุมาสู่ความสัมพันธ์ หรือย้ายจากเนื้อหามาสู่แบบแผน  (คาปร้า.  2543: 10-11)



                                                      เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 123
   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203