Page 200 - ED 211
P. 200
พร้อมทั้งเสริมสร้างและน าไปสู่สังคมที่พึงประสงค์ ก็จ าเป็นจะต้องปฏิรูปการศึกษาหมด
ทั้งระบบ และยังจ าเป็นต้องปรับปรุงส่วนส าคัญอื่น ๆ ในสังคมนอกขอบเขตเนื้อแท้ของ
การศึกษาอีกด้วย (เน้นโดยผู้เขียน)
ความพยายามปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกซึ่งเริ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นการ
ด าเนินการโดยรัฐ เนื่องจากรัฐบาลชุดที่มีนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2517 ว่าจะวางรากฐานและแนวทางปฏิบัติในการ
ปฏิรูปการศึกษา ต่อมาจึงได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการวางพื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษาจ านวน 22 คน
โดยมีศาสตราจารย์ ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต เป็นประธาน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2517 ให้มีหน้าที่
“พิจารณาเสนอแนวทางการวางพื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษา ทั้งในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรียน
และลักษณะอื่น ๆ ให้เหมาะสมกับกาลสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระบอบ
ประชาธิปไตย” (คณะกรรมการวางพื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษา. 2518: 4) ซึ่งคณะกรรมการวาง
พื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษาเห็นว่าการศึกษาควรมีเป้าหมายเพื่อชีวิตและสังคม ดังข้อความในรายงาน
ของคณะกรรมการวางพื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษาที่ว่า
เมื่อคณะกรรมการวางพื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษา คณะอนุกรรมการด าเนินการ 9 ชุด
และผู้ปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ได้ท างานที่ได้แบ่งไปแต่ละขั้นตอนเสร็จแล้ว ผู้ร่วมงานทุกคนมี
ความเห็นตรงกันว่า ตามที่ได้ท างาน โดยเริ่มพิจารณาสภาพปัจจุบันและปัญหาสังคม และ
การศึกษาที่เกี่ยวเนื่องกัน จนได้วางหลักการ วิธีการ และขั้นตอนของการปฏิรูปการศึกษา
ตลอดจนเตรียมหามาตรการที่จะขจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น ผลงานทั้งหมดมีแกนกลาง
ของสาระส าคัญอาจสรุปสั้น ๆ ได้ว่า งานนี้คือ การปฏิรูปการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม....
การศึกษาที่พึงประสงค์จะต้องเป็นการศึกษาที่เสริมสร้างความรู้ ความคิด ทักษะ และ
ทัศนคติให้คนไทยรู้จักตนเอง รู้จักชีวิต เข้าใจสังคมและสิ่งแวดล้อมอันตนมีส่วนร่วมอยู่
แล้วน าความรู้ ความเข้าใจ มาใช้แก้ปัญหาและเสริมสร้างชีวิตและสังคมให้ดีขึ้น โดย
กลมกลืนกับธรรมชาติ (เพิ่งอ้าง. 2518: 7 และ 15 เน้นโดยผู้เขียน)
คณะกรรมการวางพื้นฐานเพื่อปฏิรูปการศึกษาได้ก าหนดหลักการในการปฏิรูป
การศึกษา มีสาระส าคัญดังนี้ (เพิ่งอ้าง. 2518: 16)
1. จะต้องเน้นความเสมอภาคขั้นต้นทางการศึกษา โดยรัฐจะต้องรับภาระจัดการศึกษาภาค
บังคับเป็นการให้เปล่า ส่วนการศึกษาที่มิใช่ภาคบังคับ รัฐจะต้องมีมาตรการการประกันความเสมอภาค
ในโอกาสให้แก่ประชาชนโดยกว้างขวาง
เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 125