Page 191 - ED 211
P. 191

ทั้งนี้เพราะอัตราการเข้าเรียนสุทธิในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในปี พ.ศ.2558 กลุ่มประชากร 10 % ที่

                   มีฐานะความเป็นอยู่ดีที่สุด (Decile 10) มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับมัธยมปลาย (รวม ปวช.) สูงถึงร้อย

                   ละ 70.1  ขณะที่กลุ่มประชากร 10 % ที่มีฐานะความเป็นอยู่ด้อยที่สุด (Decile 1) มีโอกาสเข้าถึง
                   การศึกษาระดับมัธยมปลาย(รวม ปวช. เพียงร้อยละ 38.9 เท่านั้น  แต่อัตราการเข้าเรียนในระดับปริญญา

                   ตรีกลับพบว่ามีความเหลื่อมล้ าสูงขึ้นเนื่องจากอัตราการเข้าเรียนสุทธิในกลุ่มประชากร 10 % ที่มีฐานะ

                   ความเป็นอยู่ดีที่สุด (Decile 10) มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับปริญญาตรี(รวม ปวส.)สูงถึงร้อยละ 62.8
                   ขณะที่กลุ่มประชากร 10 % ที่มีฐานะความเป็นอยู่ด้อยที่สุด (Decile 1) มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับ

                   ปริญญาตรี (รวม ปวส.) เพียงร้อยละ 3.6 เท่านั้น (ดูตารางที่ 4 และ 5) (รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์

                   ความยากจนและความเหลื่อมล้ าในประเทศไทย.   2558: 4-5)
                               เมื่อโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในระดับที่สูงกว่าการศึกษาภาคบังคับของเด็กขึ้นอยู่กับ

                   ฐานะทางเศรษฐกิจของพ่อแม่  ความเหลื่อมล้ าด้านการศึกษาจึงเป็นภาพสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ าที่ด ารง

                   อยู่ในสังคมไทย  และท าให้การศึกษาในระบบซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริการสังคมที่รัฐเป็นผู้ลงทุน  ไม่สามารถ
                   ปรับลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนกลุ่มอื่นในสังคมหรือลดความเหลื่อมล้ าในสังคมได้  ยิ่งไปกว่านั้น

                   ความเหลื่อมล้ าด้านการศึกษายังท าให้ช่องว่างของความเหลื่อมล้ ากว้างมากขึ้น อันเนื่องมาจาก

                   ผลตอบแทนจากการท างานในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงอยู่กับวุฒิทางการศึกษา  ดัง
                   จะเห็นได้จากผลการวิจัยของดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ (2533)  เรื่องความเหลื่อมล้ าของโอกาสทางการศึกษากับ

                   แนวโน้มของค่าจ้างในประเทศไทยที่พบว่า เด็กจากครอบครัวที่เสียเปรียบทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น มี

                   รายได้ต่ า  พ่อแม่มีการศึกษาน้อย  มีโอกาสทางการศึกษาน้อยกว่าเด็กจากครอบครัวที่ได้เปรียบกว่า  และ
                   เมื่อกลุ่มที่เสียเปรียบเข้าสู่ก าลังแรงงาน  ก็มักจะได้รับค่าจ้างต่ ากว่ากลุ่มที่มีโอกาสทางการศึกษาที่สูงกว่า

                   ซึ่งสถานการณ์นี้พบได้ทั่วไปทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและก าลังพัฒนา  โทดาโร (Todaro.  2000: 345-
                   346) ซึ่งใช้ข้อมูลของเอ็มมานูเอล จิมิเนซ (Emmanuel Jimenez.  1986) ที่แสดงให้เห็นว่าเด็กจาก

                   ครอบครัวยากจนซึ่งเขาหมายถึง ชาวนา  ได้รับประโยชน์จากการศึกษาในระบบซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริการ

                   สังคมที่รัฐเป็นผู้ลงทุน ต่ ากว่าที่ควรจะเป็น  ส่วนเด็กจากครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีซึ่ง

                   เขาหมายถึง นักวิชาชีพ  ได้รับประโยชน์จากการศึกษามากกว่าที่ควรจะได้  ในทวีปเอเซีย สัดส่วนของการ
                   ได้รับประโยชน์จากการศึกษาที่รัฐลงทุนระหว่างกลุ่มชาวนา : พ่อค้าและผู้ใช้แรงงาน : นักวิชาชีพ มี

                   สัดส่วน 0.59 : 1.19 : 2.76  ส่วนลาตินอเมริกามีสัดส่วน 0.49 : 1.04 : 2.03  ตะวันออกกลางและ
                   แอฟริกาเหนือ 0.60 : 0.35 : 2.87  ประเทศ OECD 0.95 : 0.87 : 1.2 (Todaro.  2000: 345-346)

                              ส่วนผลกระทบเชิงลบของการศึกษาในยุคทันสมัยต่อชุมชนชนบทนั้น เป็นผลกระทบต่อระบบ

                   ความรู้ของชุมชน  นภาภรณ์ หะวานนท์ (2540: 59-77) ซึ่งด าเนินการวิจัยเรื่องโอกาสในการศึกษาต่อจาก











                                                      เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 116
   186   187   188   189   190   191   192   193   194   195   196