Page 99 - mukdahansuksapub
P. 99

                                                                                                             99                 แวะส่งถุงไปรษณีย์ที่นี่       เรือกลไฟถึงเมืองท่าอุเทนจอดเรือที่ท่านํ้าผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสประจําเมืองท่า                 อุเทนซึ่งชื่อ ม.ซัมเปนัวร์ (ชาวบ้านเรียกว่านายจําปานา)แล้วข้ามไปจอดนอนที่เมืองฟองวิน(หินบูรณ์)  ได้พบกับ                 ม.โกสแลนด์  คอมมิแซร์(ข้าหลวงเมืองฟองวิน)แล้วข้ามไปเมืองท่าอุเทนฝั่งไทย   ได้ซื้อสินค้าที่ห้างม.ซัมเปนัวร์                 ชาวฝรั่งเศส    ได้ซื้อเสื้อสักหลาด,ดินสอ,ปากกาและกระดาษฝรั่งแล้วเลยไปพบ นายเลห์อาวุธ (เจ๊ก  สิงหเสนี)ข้า                 หลวงประจําเมืองท่าอุเทน นายเลห์อาวุธเดิมเป็นมหาดเล็กเวรฤทธิ์ เป็นบุตรเจ้าพระยายมราช(แก้ว สิงหเสนี)ผู้สํา                 เร็จราชการเมืองนครราชสีมาและเป็นหลานเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์  สิงหเสนี)    นายเลห์อาวุธเป็นข้าหลวง                 ประจําเมืองท่าอุเทนตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๓๗จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๓ จึงกลับไปรับราชการในสํานักพระราชวัง ได้รับพระ                 ราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระอินทราภิบาล                                                      พระภักดีนุชิตได้ข้ามโขงกลับไปพักนอนที่เมืองฟองวินฝั่งลาว     วันที่ ๒๖ ตุลาคมจึงได้                 โดยสารเรือกลไฟซันตายอของฝรั่งเศสกลับไปเมืองสุวรรณเขต                                                      วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๙ ม.งานิแอร์ คอมมิแซร์ได้มาบอกว่า  คอมมองดอง สุเปอร์ริ                 เออร์ หรือ ข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสประจําอินโดจีนที่เมืองฮานอยได้มีหนังสือบอกมาว่าให้ส่งพระภักดีนุชิตไปบ้าน                 หมากแข้ง(อุดรธานี)ซึ่งเป็นกองบัญชาการมณฑลลาวพวนฉะนั้นจึงให้เตรียมตัว  อีก ๓-๔วันคอมมิแซร์จะจัดส่ง                 พระภักดีฯไปทางเรือกลไฟและขึ้นบกที่เมืองหนองคายแล้วเดินทางต่อไปบ้านหมากแข้ง   รวมเวลาที่ถูกควบคุม                 กักขังอยู่รวม ๔ เดือน                                                  ม.งานิแอร์ข้าหลวงฝรั่งเศสจัดเรือ ๒ ลํามีคนลาวถ่อเรือ ๙ คน ให้ม.โลริยู,องเยืองทหารญวน                 องนานบ๋อยญวนกับคนลาวอีก ๔ คนรวม ๗ คนลงเรือลําหนึ่ง    ให้นายกาดเขมรซึ่งเป็นล่าม,นายพัน,พระภักดีนุ                 ชิต,นายเคลือบ,นายพูน,นายโมบ่าวพระภักดีฯกับคนลาวอีก ๕ คนลงเรืออีกลําหนึ่ง  ถ่อเรือเลาะขึ้นไปตามลํานํ้า                 โขงทั้งสองลําเพื่อจะขึ้นเรือกลไฟ  เพราะเรือกลไฟติดแก่งจึงจอดเรือรออยู่เหนือแก่งกะเบา  ขึ้นเรือกลไฟจนถึง                 เมืองหนองคายเมื่อถึงเมืองหนองคายฝรั่งเศสได้เชิญพระยาไตรเพชรฯข้าหลวงประจําเมืองหนองคายและอุปฮาด                 ราชวงษ์กรมการเมืองหนองคายมาพบ   แล้วบอกว่าข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสให้คุมตัวพระภักดีฯไปส่งถึงบ้านหมาก                 แข้ง ณ กองบัญชาการมณฑลลาวพวน    จึงขอให้กรมการเมืองหนองคายจัดช้างให้หนึ่งช้าง,ม้า ๒ ตัวและเกวียน                 อีก ๔ เล่ม                                             เมื่อเดินทางถึงบ้านหมากแข้ง กองบัญชาการมณฑลลาวพวน  พระภักดีนุชิตได้เข้าเฝ้าพระเจ้า                 บรมวงษ์เธอ  กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ข้าหลวงต่างพระองค์สําเร็จราชการมณฑลลาวพวน  ม.โลริยูฝรั่งเศส                 ได้เขียนหนังสือสัญญาให้ฝ่ายไทยเซ็นชื่อ  ฝ่ายไทยไม่ยอมลงนามในสัญญาแต่ได้ทําเป็นหนังสือว่าได้รับตัวพระ                 ภักดีนุชิตไว้แล้วและได้รายงานทางโทรศัพท์ไปยังกระทรวงมหาดไทย                                             พ.ศ.๒๔๔๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานสัญญาบัตรให้ พระภักดีนุชิต เป็น พระยา                 สุริยเดชวิเศษฤทธิ์ ตําแหน่งปลัดเมืองนครราชสีมาและได้พระราชทานเงินบํารุงขวัญอีก ๕๐ ชั่ง (๔,๐๐๐.-บาท)
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104