Page 96 - mukdahansuksapub
P. 96

                                                                                                             96                 มากกว่า   เมื่อพระภักดีฯสิ้นราชการแล้วจึงมอบหนังสือคําสั่งที่โปรดเกล้าฯให้ข้าหลวงคนใหม่จึงไม่มีหนังสือ                 ติดตัวมา   พระภักดีฯเป็นกรมการเมืองนครราชสีมาคงไม่มีทหารติดตามมาด้วยมีแต่คนใช้เท่านั้น  ส่วนปืนใน                 เรือก็เป็นปืนของพ่อค้าจีนที่อาศัยมาด้วยจากเมืองมุกดาหารชื่อจีนเตือย   พระยาไตรเพชรราชสงคราม ข้าหลวง                 ประจําเมืองหนองคาย จึงอัญเชิญสําเนาโทรศัพท์และลายพระหัตถ์ของข้าหลวงต่างพระองค์ สําเร็จราชการมณ                 ฑลลาวพวนดังกล่าวไปให้ ม.มัตเซต์ ผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสประจําเมืองหนองคายทราบและว่าเสด็จใน                 กรมโปรดเกล้าฯให้มาขอรับตัวพระภักดีนุชิต   ม.มัตเซต์บอกว่าพระภักดีฯมีความผิดหลายประการคือ                                              ๑.ไม่มีหนังสือเดินทาง                                              ๒.มีทหาร ๑๑ คน,มีอาวุธเดินเรือในลํานํ้าโขง                                              ๓.ขอดูหนังสือเดินทางก็ไม่ให้ดู                                              ๔.เมื่อจับตัวพระภักดีนุชิตแล้ว  พรรคพวกกระโดดหนีไป                                              ฝรั่งเศสได้ควบคุมตัวพระภักดีนุชิตไปยังเมืองเวียงจันทน์  พระภักดีนุชิตได้มีใบบอกกราบทูล                 เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมว่า  วันที่ ๕ สิงหาคม ร.ศ.๑๑๕ (พ.ศ.๒๔๓๙)กัปตันเรือกลไฟนําพระภักดีฯ                 และบ่าวอีก ๓ คนไปถึงเมืองเวียงจันทน์   รุ่งขึ้นได้มีทหาร๓ คนถือปืนทหารคุมพระภักดีฯและบ่าว ๓ คนไปไว้                 ที่ค่ายทหารแล้วให้ทําหนังสือรับรองว่าบ่าวที่ไปด้วยจะไม่หลบหนี     ต่อมาได้ควบคุมพระภักดีฯและบ่าวลงเรือ                 กลไฟล่องลงไปตามลํานํ้าโขงไปควบคุมไว้ที่ค่ายทหารเมืองสุวรรณเขตซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองมุกดาหาร  แต่อนุ                 ญาติให้ออกไปเที่ยวเตร่เดินเล่นในเมืองสุวรรณเขตได้  แต่มิให้ออกไปนอกเมือง                                               วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๙    เป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว                 (รัชกาลที่ ๕)พระภักดีฯได้ขออนุญาตฝรั่งเศสขอข้ามไปเมืองมุกดาหารเพื่อร่วมในพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา   แต่                 ฝรั่งเศสไม่อนุญาต                                                วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๙ เวลาบ่าย ๓ โมง  พระภักดีฯไปพบ ม.งานิแอร์ซึ่งเป็นคอมมิแซร์                 (ข้าหลวงฝรั่งเศส)ผู้สําเร็จราชการเมืองสุวรรณเขตเพื่อขออนุญาตข้ามโขงไปยังเมืองมุกดาหาร  เนื่องจากวันที่ ๔                 ตุลาคมเป็นวันที่เจ้าเมือง,กรมการเมืองท้าวเพี้ยทั้งกองขึ้นเมืองขึ้นเมืองมุกดาหารจะดื่มนํ้าพระพิพัฒนสัตยา   เพื่อ                 ถวายปฏิญานว่าจะซื่อตรงจงรักภักดีต่อกรุงเทพมหานครและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เพราะว่าหากผู้ใดไม่                 ไปร่วมจะถือว่าเป็นความผิดอย่างร้ายแรง  แม้จะเจ็บป่วยเดินไม่ได้ก็ต้องมีผู้นํานํ้าไปให้ดื่ม  คอมมิแซร์(ข้าหลวง)                 ฝรั่งเศสตอบว่าจะต้องขออนุญาตต่อผู้ใหญ่ที่เมืองญวนก่อน      ครั้นตอนเย็นก็ได้ไปพบกับคอมมิแซร์ฝรั่งเศสอีก                 ครั้งได้รับคําตอบว่าไม่อนุญาติ  จึงสร้างความระทมขมขื่นและเครียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง ท่านนอนร้องไห้อยู่ทั้งคืน                 ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๔ ตุลาคมซึ่งเป็นวันดื่มนํ้าพระพิพัฒนสัตยาท่านจึงให้พ่อค้าจีนข้ามโขงมายังเมืองมุกดาหารเพื่อ                 เชิญนํ้าพระพิพัฒนสัตยาไปให้ท่านและบ่าวอีก ๓ คนดื่มตามประเพณี  ท่านได้นั่งคุกเข่าลงพร้อมด้วยบ่าวทั้ง ๓                 คน บ่ายหน้าไปยังกรุงเทพมหานครแล้วกราบถวายบังคมต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   แล้วกล่าวคําสาบาล                 จึงดื่มนํ้าพระพิพัฒนสัตยา
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101