Page 93 - mukdahansuksapub
P. 93

                                                                                                             93                                   พระภักดีนุชิต(ข้าหลวง)และพระจันทรเทพสุริยวงษา(เจ้าเมือง)จึงได้มีใบบอกกราบทูล พระเจ้า                 บรมวงษ์เธอ  กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม  ข้าหลวงต่างพระองค์ สําเร็จราชการมณฑลลาวพวนที่บ้านหมากแข้ง                 (อุดรธานี) ต่อมาได้มีรับสั่งทรงตอบมาว่า  “..เรื่องที่พักควรหาที่ว่างสร้างให้ฝรั่งเศสโดยเร็วเพราะศาลากลางเป็น                 สถานที่ราชการของบ้านเมือง   ราษฎรถือว่าศาลากลางเป็นทีวิเศษของบ้านเมือง การจะมาขออยู่ที่ศาลากลางดูจะ                 เป็นการตัดไม้ข่มนามมากกว่า  ไม่ควรที่ข้าหลวงเจ้าเมืองกรมการเมืองจะยอมให้ได้  ส่วนข้อที่ว่าถ้าข้าวของหาย                 เจ้าเมืองต้องรับผิดชอบนั้น ข้อนี้ไม่มีธรรมเนียมที่ไหนในโลก แม้แต่ตึกราชทูตที่กรุงเทพฯของเขาหายก็ยังไม่ได้                 มาเอากับเรา  ส่วนที่เขาจะให้จัดกองตระเวนนั้นเราไม่ได้อยู่ในบังคับฝรั่งเศสเราจัดไม่ได้    แต่กฎหมายโปลิศเก่า                 ก็มีอยู่ว่า  ผู้ใดจะจ้างโปลิศ(คํารวจ)ไปรักษาบ้านเรือน   เจ้าพนักงานจะจัดโปลิศให้ แต่ต้องจ่ายเงินเดือนเอง ถ้า                 เรา                 รักษาทรัพย์ให้เขาไม่มั่นคงเขาจะเอาญวนเข้ามาก็ยิ่งเป็นการผิดธรรมเนียม     ที่เขาบอกว่ามิให้ข้าหลวงไทยมาอยู่                 ในเขต๖๒๕ เส้นหรือ ๒๕กิโลเมตรนั้น  ข้อนี้ไม่มีในหนังสือสัญญาข้อใด  ให้ข้าหลวงพูดจาโต้ตอบฝรั่งเศสตาม                 หนังสือสัญญาทุกประการ...”                                           ม.อาละฮอก ผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสได้มาประจําอยู่ที่เมืองมุกดาหาร  ต่อมาได้ปิด                 ประกาศไว้ที่หน้าบ้านพักว่า  ...ประกาศห้าม  ผู้ใดจะเดินไปมาในหน้าที่อยู่ของฝรั่งนี้ ก็ให้เดินไปมาแต่ใน ๑ โมง                 เช้าถึง ๖โมงเย็นก็เดินไปมาได้  ถ้าถึง ๖ โมงเย็นห้ามไม่ให้คนใดเดินไปมาแลยืนด้อมมองอยู่ในหน้าที่อยู่ของฝรั่ง                 นี้  จะจับเอาตัวทําโทษอย่างหนัก  ถ้าคนใดจะเรียนฝรั่งและไปขอยาก็ให้ติดไต้ตามไฟไป     ประกาศมาณวัน ๑๓                 กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓                                                        ม.อาละฮอก ผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสยังบอกกับเจ้าเมืองมุกดาหารอีกว่า หากมีโจร                 ผู้ร้ายมาลักขโมยสิ่งของเจ้าเมืองต้องรับผิดชอบ    จึงขอให้เจ้าเมืองจัดให้มีโปลิศ(ตํารวจ)มาดูแลรักษาผู้แทนทาง                 การค้าของฝรั่งเศสด้วย  เจ้าเมืองมุกดาหารตอบไปว่าขอให้พูดกับข้าหลวงประจําเมืองมุกดาหาร  ฝรั่งเศสบอกว่า                 จะพูดและติดต่อกับเจ้าเมืองเท่านั้น  เพราะว่าห้ามมีข้าหลวงไทยมาประจําอยู่ในเขต ๒๕ กิโลเมตรจากฝั่งโขง                                                       เมื่อฝรั่งเศสห้ามมีกองทหารไทยในเขต ๒๕ กิโลเมตรริมฝั่งโขงและฝรั่งเศสขอให้มีโป                 ลิศดูแลรักษาทรัพย์สิน สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยจึง                 ทรงพระดําริที่จะตั้งโปลิศ(ตํารวจ)ขึ้นตามหัวเมืองชายแดนริมฝั่งโขงสําหรับปราบปรามโจรผู้ร้ายและดูแลรักษา                 ผุ้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสด้วย   ซึ่งเดิมตามเมืองต่างๆก็มีคล้ายๆโปลิศอยู่แล้วเรียกว่าไทยเวร   ซึ่งจะนอนประ                 จําอยู่ที่บ้านเจ้าเมืองและรักษาศาลากลางของเมืองเมื่อมีโจรผู้ร้ายก็ใช้คนพวกนี้ จึงขอพระราชทานซื้อเครื่องแบบ                 ให้โปลิศเมืองละ ๕๐ ชุด คือ   เมืองแก่นท้าว,เมืองกมุทาสัย(หนองบัวลําภู),เมืองท่าบ่อ,เมืองหนองคาย,เมืองโพน                 พิสัย,เมืองท่าอุเทน,เมืองนครพนมและเมืองมุกดาหารเป็นชุดเสื้อกางเกงและเข็มขัด  ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อที่เรียกว่า                 โปลิศเป็น ตํารวจภูธรและให้ถืออาวุธอย่างทหาร   ส่วนตํารวจนครบาลในกรุงเทพฯไม่ถืออาวุธ                                                     พ.ศ.๒๔๓๙ เกิดความแห้งแล้งในเมืองมุกดาหารฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ถึงเดือนกรก
   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98