Page 97 - mukdahansuksapub
P. 97
97 พระภักดีนุชิตถูกฝรั่งเศสควบคุมอยู่ ๓ เดือนในเมืองสุวรรณเขตได้บันทึกเหตุการณ์ ที่ได้พบเห็นเพื่อกราบทูลเสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม คือ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๙ พระภักดีนุชิตสังเกตเห็นว่ามีบรรดาเจ้าเมืองและกรมการเมือง ลาวซึ่งเดิมเคยขึ้นกับเมืองมุกดาหาร แต่ต้องแยกมาขึ้นกับเมืองสุวรรณเขตเมื่อตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เจ้า เมืองกรมการเหล่านี้มากันเป็นหมู่ๆละ ๒๐-๓๐ คน โดยเฉพาะเจ้าเมืองพ้อง(ปัจจุบันชื่อเมืองชนบุรี)มีช้างพลาย และช้างพังมาด้วยถึง ๑๓ เชือก บรรดาเจ้าเมืองกรมการเมืองเหล่านี้ได้ไปชุมนุมกันที่ศาลากลางเมืองสุวรรณเขต แล้วประมาณสองร้อยคน จึงได้สอบถามดู ทราบว่าบรรดาเจ้าเมืองกรมการเมืองเหล่านี้เดินทางมาเพื่อจะกระทํา พิธีดื่มนํ้าพระพิพัฒนสัตยาเช่นที่เคยกระทํามาเหมือนสมัยที่ยังขึ้นอยู่กับราชอาณาจักร์ไทย แต่เปลี่ยนถ้อยคําเป็น ว่า จะซื่อตรงจงรักต่อประเทศฝรั่งเศส เจ้าเมืองและกรมการเมืองที่ขึ้นกับเมืองสุวรรณเขตที่จะต้องมาร่วมในพิธี ถือนํ้าพระพิพัฒนสัตยามี ๑๔ เมืองคือเมืองพิน,เมืองนอง,เมืองลําเนาหนองปรือ(เมืองนํ้าเนา),เมืองสองคอนดอน ดง,เมืองเซโปน,เมืองวัง,เมืองคํา,เมืองเชียงห่ม,เมืองผาบัง,เมืองลหารนํ้า,เมืองพลาน(อาจสพังทอง),เมืองคันธบุรี (โพนสิม),เมืองชานุมาร(เดิมตั้งอยู่ฝั่งลาวที่บ้านบึงกระดาน) บรรดาเจ้าเมืองกรมการเหล่านี้เคยรู้จักและคุ้นเคย กับพระพระภักดีนุชิตมาก่อนในฐานะเคยเป็นข้าหลวงประจําเมืองมุกดาหาร วันที่ ๒๑ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๙ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ คํ่าเดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันออกพรรษา ฝรั่ง เศสได้กําหนดให้เป็นวันที่เจ้าเมืองกรมการจะต้องมากระทําพิธีถือนํ้าพระพิพัฒนสัตยา ว่าจะซื่อตรงจงรักต่อฝรั่ง เศส ทหารญวนได้นําโคมไฟไปประดับประดาที่บ้านคอมมิแซร์(ข้าหลวงฝรั่งเศส)และบ้านนายทหารฝรั่งเศส และนําโคมไฟไปแขวนตามราวริมฝั่งโขง ข้าราชการฝรั่งเศสแต่งกายเต็มยศมายังประรําพิธีมีพระสงฆ์ ๒๙ รูป มาร่วมในพิธี อุปฮาดเมืองลําเนาหนองปรือซึ่งมีอายุอาวุโสสูงสุดกว่าเจ้าเมืองกรมการเมืองอื่นๆขึ้นนั่งแคร่ให้ บ่าวหามมาสู่ประรําพิธีแถวทหารยิงปืน ๑๒ นัด เจ้าเมืองพ้อง(ปัจจุบันชื่อเมืองชนบุรี)เป็นผู้อาราธนาศีลและป่าว ประกาศอัญเชิญเทวดา ทหารเป่าแตรและพระสงฆ์ ๒๙ รูปเจริญพระพุทธมนต์ เจ้าเมืองพ้องเป็นผู้กล่าวนําคําสา บาลในการถือนํ้าเหมือนอย่างของราชการไทยแต่เปลี่ยนถ้อยคําเป็น“..จะซื่อตรงจงรักต่อประเทศฝรั่งเศส”.ทหาร เป่าแตรอีก คอมมิแซร์(ข้าหลวงฝรั่งเศส)เอกระบี่เครื่องยศจุ่มลงในบาตรนํ้ามนต์ทั้ง ๔ บาตรซึ่งตั้งไว้พร้อมด้วย เครื่องบูชามีดอกไม้ธูปเทียน แล้วให้เจ้าเมืองกรมการบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นการ บ่ายหน้าไปทางกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส บรรดาเจ้าเมืองกรมการก็เข้าไปดื่มนํ้าทั่วกันทุกคน ฝรั่งเศสได้ฆ่า หมู,โค,กระบือเพื่อทําอาหารเลี้ยงเจ้าเมืองกรมการอย่างเอิกเกริก ตอนเย็นมีการละเล่นพื้นเมืองเช่นหมอลําและ ตามประรําข้างถนนมีผู้หญิงมานั่งแถวประมาณ ๑๘-๑๙ คนสนุกสนานตามใจชอบ เช้าวันรุ่งขึ้น พระภักดีนุชิตเดินลงไปอาบนํ้าที่ท่านํ้าแม่นํ้าโขงได้พบกับกรมการเมืองต่างๆ ที่ซึ่งเดินทางมาร่วมในพิธีดื่มนํ้าพระพิพัฒนสัตยาของฝรั่งเศส ซึ่งเมืองเหล่านี้เคยขึ้นกับเมืองมุกดาหารมาก่อนจึง รู้จักกับพระภักดีนุชิตซึ่งเคยเป็นข้าหลวงประจําเมืองมุกดาหาร เจ้าเมืองกรมการเมืองเหล่านี้เมื่อพบพระภักดีนุ