Page 95 - mukdahansuksapub
P. 95

                                                                                                             95                 สือเดินทางหรือไม่   พระภักดีฯตอบว่าไม่มีเพราะเป็นข้าหลวง  มีแต่หนังสือรับสั่งของเสด็จในกรม ข้าหลวงต่าง                 พระองค์สําเร็จราชการมณฑลลาวพวนซึ่งมีรับสั่งอนุญาตให้เดินทางไปหมากแข้งกองบัญชาการมณฑลฝรั่งเศส                 จึงเรียกนายข่าซึ่งป่วยเป็นไข้มาลาเรียอยู่มาถามอีกว่ามีทหารมาจริงหรือไม่    นายข่าซึ่งยังเพ้อคลั่งอยู่ก็ตอบเรื่อย                 เปื่อยไปว่ามีทหารหลายคน  พระภักดีฯจึงบอกฝรั่งเศสไปว่าจะไปเอาอะไรกับคนบ้า                                                  กัปตันเรือฝรั่งเศสสั่งให้ควบคุมตัวพระภักดีนุชิตลงไปอยู่ในเรือกลไฟมาสซีและแล่นเรือกล                 ไปขึ้นไปจนถึงเมืองหนองคายเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคมเพื่อจะนําไปสอบสวนที่เมืองเวียงจันทน์ เมื่อเดินทางถึงเมือง                 หนองคายเรือกลไฟไปจอดที่ท่านํ้าผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสประจําเมืองหนองคาย  ม.มัตเซต์ผู้แทนทางการ                 ค้าของฝรั่งเศสประจําเมืองหนองคายมาสอบถามพระภักดีฯอีกว่ามีทหารหรือมีอาวุธมาหรือไม่  พระภักดีฯตอบ                 ว่าไม่มี    ในเย็นวันนั้นอําแดงหนูห่วง ภรรยาพระบริบาลภูมิเขตกรมการเมืองหนองคายทราบข่าวจึงจะนําอาหาร                 ไปส่งให้ในเรือ  แต่ฝรั่งเศสไม่ให้พบ  อําแดงหนูห่วงจึงใช่อุบายลงไปอาบนํ้าในแม่นํ้าโขงแล้วลอยคอเข้าไปใกล้                 เรือกลไฟของฝรั่งเศสที่ควบคุมพระภักดีฯ  พระภักดีฯจึงเขียนรายเหตุการณ์ที่ถูกจับกุมแล้วใส่กล่องกระดาษโยน                 ลงไปในแม่นํ้าโขงเพื่อให้อําแดงหนูห่วงนําไปให้พระบริบาลภูมิเขตกรมการเมืองหนองคาย  เพื่อนําไปกราบทูล                 เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ฯที่หมากแข้ง                                                   ม.มัตเซต์  ผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสประจําเมืองหนองคายได้มีหนังสือถึง พระยาวุฒาธิ                 คุณ (เคน ณ หองคาย)จางวางกํากับราชการเมืองหนองคายว่า นายพันตรี เลอบอเลเอช กัปตันเรือกลไฟมาสซีของ                 ฝรั่งเศสได้นําเรือกลไฟขึ้นมาจากเมืองสุวรรณเขต พบพระภักดีนุชิตในลํานํ้าโขงจึงขอดูหนังสือเดินทาง  แต่พระ                 ภักดีนุชิตไม่ยอมให้ดูและเมื่อค้นในเรือก็พบว่ามีทหาร ๑๗ คน  พร้อมด้วยปืนคู่มือ, บ่าว ๑๓ คน,มีหาบ ๗ หาบ                 ข้าวสาร ๙ หาบ  กัปตันเรือจึงจับพระภักดีนุชิตและบ่าวอีก ๔ คนรวมเป็น ๕ คนมาควบคุมไว้ในเรือเพื่อจะนําไป                 สอบสวนที่เวียงจันทน์ จึงขอให้พระยาวุฒาธิคุณส่งโทรเลขไปกราบทูลถามเสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม                 ข้าหลวงต่างพระองค์ด้วยว่าพระภักดีนุชิตเป็นข้าหลวงจริงหรือไม่และให้รีบตอบ   ถ้าไม่ตอบจะส่งไปสอบสวน                 ที่ฮานอย      ต่อมาเสด็จในกรมหลวงประจักษ์ฯได้ทรงมีโทรเลขจากบ้านหมากแข้ง(อุดรธานี)กองบัญชาการมณ                 ฑลลาวพวนมายังเมืองหนองคายว่า หากเป็นพระภักดีนุชิต จะมีชื่อเดิมว่า จันทร์ก็รับรองว่าเป็นข้าหลวงจริง แต่                 คงไม่มีทหารมีแต่คนใช้       ต่อมา ม.มัตเซต์ฝรั่งเศสได้ตอบมายังพระยาวุฒาธิคุณ ว่าได้สอบถามพระภักดีฯ แล้ว                 ชื่อจันทร์จริง แต่ทหารที่อยู่กับพระภักดีฯไม่ได้แต่งกายทหารแต่ถือปืนอยู่ เมื่อเรือกลไฟฝรั่งเศสมาถึงทหารเหล่า                 นี้ก็หนีเข้าป่าไป  จึงขอให้ข้าหลวงต่างพระองค์ สําเร็จราชการมณฑลลาวพวนมีลายพระหัตถ์ตอบมาเอง หากไม่                 ตอบยืนยันมาจะพาพระภักดีฯไปเวียงจันทน์และฮานอยเพื่อรอคําสั่งจากรัฐบาลฝรั่งเศส    ต่อมาพระเจ้าบรมวงษ์                 เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมได้มีลายพระหัตถ์ยืนยันไปว่า พระภักดีนุชิตเป็นข้าหลวงจริงและสัญญาระหว่าง                 ไทยกับฝรั่งเศส ร.ศ.๑๑๒ ก็มิได้ระบุว่าคนเดินเรือในลํานํ้าโขงจะต้องมีหนังสือเดินทาง     อีกทั้งกัปตันเรือและผู้                 แทนทางการค้าของฝรั่งเศสก็รู้จักคุ้นเคยกับพระภักดีนุชิตอยู่แล้วว่าเป็นข้าหลวง     เมื่อพระภักดีฯเป็นข้าหลวงก็                 เคยออกหนังสือเดินทางเดินทางไปมาโดยอํานาจที่ชอบธรรมของข้าหลวงจะออกให้อยู่แล้ว  จึงเป็นการแกล้งจับ
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100