Page 98 - mukdahansuksapub
P. 98
98 ชิตก็ได้นั่งลงยกมือไหว้ พระภักดีฯได้สอบถามว่าสบายดีทุกคนหรือ เจ้าเมืองเหล่านี้ก็ตอบว่าสบายดีทุกคนแต่ ราชการฝรั่งเศสนั้นลําบากขึ้นทุกวัน หากจะกะเกณฑ์สิ่งใดก็ต้องเอาให้ได้ทันท่วงที พวกเจ้าเมืองกรมการทั้ง หลายก็พากันคิดถึงเจ้านายฝ่ายไทยเก่าๆอยู่เสมอ แต่ไม่รู้จะทําอย่างไรได้ เพราะบ้านช่องเรือกสวนไร่นาซึ่งเป็น บ้านเกิดก็อยู่ทางฝั่งซ้ายแม่นํ้าโขง จะละทิ้งหนีไปก็ลําบากจึงต้องทนอยู่ต่อไปแล้วแต่บุญกรรม วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๓๙ เวลาบ่าย ม.งานิแอร์คอมมิแซร์(ข้าหลวงฝรั่งเศส)ได้มา เยี่ยมพระภักดีฯในค่ายพัก พระภักดีฯบอกว่าถูกจับมาได้ครบ ๓ เดือนแล้วเมื่อใดฝรั่งเศสจะปล่อยตัว คอมมิแซร์ ฝรั่งเศสพูดปลอบใจว่า มาอยู่ที่นี่เดือดร้อนอย่างใดบ้างขอให้บอกเช่นเรื่องที่พัก,เรื่องอาหารหรือขัดสนเงินทองก็ จะช่วยสงเคราะห์ให้ คอมมิแซร์บอกว่าได้มีหนังสือถึงข้าหลวงต่างพระองค์ สําเร็จราชการมณฑลลาวพวนแล้ว ฉบับหนึ่งก็ไม่เห็นตอบมา จึงยังไม่ทราบว่าจะส่งพระภักดีนุชิตกลับไปที่ใด วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๓๙ เรือกลไฟฝรั่งเศสขึ้นมาถึงเมืองสุวรรณเขต ๒ ลําคือเรือ กลไฟซันตายอ และเรือกลไฟ โกลําโบ พระภักดีนุชิต จึงไปพบ ม.งานิแอร์ข้าหลวงฝรั่งเศส เพื่อขออนุญาตนั่ง เรือกลไฟไปเที่ยวเมืองท่าอุเทน เพราะทราบว่าที่เมืองท่าอุเทนมีผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสชื่อ ม.ซัมเปนัวร์ [Champenois] ซึ่งชาวท่าอุเทนเรียกเขาว่า นายจําปานา ได้เปิดห้างขายสินค้าฝรั่งเศสอยู่ที่นั่นด้วย พระภักดีฯจะไป สืบดูว่าฝรั่งเศสได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ที่ปากนํ้าหินบูรณ์ตรงข้ามกับเมืองท่าอุเทนชื่อเมืองฟองวิน(เมืองหินบูรณ์) จึง อยากจะไปดูว่าฝรั่งเศสจะจัดราชการอย่างใดบ้างและมีทหารลาวทหารญวนมากน้อยเพียงใด จะได้มีโอกาสซื้อ เสื้อผ้า,ดินสอ,หมึก,ปากกาและกระดาษฝรั่ง(กระดาษฟุลสแก๊ป)ที่ห้างฝรั่งเศสด้วย เรือกลไฟของฝรั่งเศสจะเลย ขึ้นไปถึงเมืองเวียงจันทน์ ส่วนพระภักดีฯจะหาเรือล่องกลับลงมาเมืองสุวรรณเขต ม.งานิแอร์บอกว่าเรือกลไฟ จะออกจากเมืองสุวรรณเขตวันที่ ๒๐ ตุลาคม เวลาบ่าย ๒ โมง ถ้าอยากจะไปก็จะอนุญาตให้ไปแต่ต้องไปนอน ที่เมืองฟองวินฝั่งลาว หากข้ามไปซื้อของที่ห้างฝรั่งเศสที่เมืองท่าอุเทนฝั่งไทยแล้วก็ให้ข้ามกลับไปนอนที่เมือง ฟองวินฝั่งลาวจะมีหนังสือไปบอกคอมมิแซร์(ข้าหลวงฝรั่งเศส)เมืองฟองวินให้ทราบ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓พระภักดีนุชิต พร้อมด้วยบ่าวอีก ๓ คนคือนายพูน,นายเคลือบ และหลวงจํานงค์ฯได้โดยสารเรือกลไฟฝรั่งเศสชื่อเรือกลไฟซันตายอ จากเมืองสุวรรณเขต ในเรือลํานั้นยังมีจีน หริ่ง,จีนเฮงติ๊ดจะไปลงที่เมืองนครพนม ม.ซิมมอนผู้บังคับการเรือบอกว่าการโดยสารเรือมี ๓ ชั้นคือ ชั้นที่ ๑ เป็นห้องนอนพิเศษ,ชั้นที่ ๒ มีอาหารฝรั่ง,ชั้นที่ ๓ มีอาหารญวนและจีน แล้วถามพระภักดีฯว่าจะชอบอย่างไหน พระภักดีฯตอบไปว่าชอบชั้น ๒ซึ่งมีอาหารฝรั่งเป็นเงินค่าโดยสาร ๖ บาท เมื่อเดินทางถึงบ้านสองคอนซึ่งมีวัด ศาสนาคริสต์ซึ่งอยู่ในเขตเมืองมุกดาหาร มีบาทหลวงชื่อ ซาร์เวีย เกโก้ [Xavier Guego]ซึ่งเป็นบาทหลวงฝรั่งเศส คนแรกที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิคในแถบลุ่มแม่นํ้าโขง(อยู่ต่อมาอีก ๓๐ ปี)โดยสารเรือมา ด้วยและส่งถุงเมล์ไปรษณ๊ย์ลงที่นี่ด้วย ถึงเมือนครพนมตอนเย็นเรือจอดพักนอนที่ท่านํ้าหน้าที่พักของผู้แทนทาง การค้าของฝรั่งเศสประจําเมือนครพนมซึ่งชื่อ ม.เรมีย์ วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๙ เรือกลไฟถึงเกาะโดน มีวัดศาสนาคริสต์อยู่บนเกาะโดนได้