Page 387 - รวมเล่ม บทที่ 1-252 Ebook
P. 387
175
ไม่ต ้องไปลังเลสงสัย วิจิกิจฉา ครั้นเมื่อถึงเวลา เราฉลาด
อะไรกับ "จิต" รู้เท่าทันสมมุติ ไม่ยึดปรุงไป
กับสมมุติทั้งหลายเหล่านั้น
มุ่งแต่ทําความว่างแท ้ให ้ เราก็ปล่อยวางสมมุติเหล่านั้น
สมบูรณ์เท่านั้น เสียให ้สิ้น
อาจจะถามอีกว่า ในระหว่าง อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ตระหนัก
เราเป็นมนุษย์เราไม่มีจิต ไม่มี และเข ้าใจในประเด็นเข ้าใจ
วิหารธรรมให ้จิต เราจะอยู่กัน และเข ้าถึงความว่างแท ้ หรือ
อย่างไร มิต ้องตาย หรือไม่ ธรรมชาติแท ้โดยสมบูรณ์
ต ้องคิดอ่านเพื่อปัจจัยสี่ หรือ 100%
เพื่อพัฒนาการต่างๆทําให ้โลก
เจริญหรือ แต่ถ ้ายังหลงประเด็น ยังมี
นิวรณ์ลังเลสงสัย
ตอบว่า นั่นเป็นสมมุติทั้งหมด วนเวียนอยู่กับบัญญัติเรื่องจิต
มนุษย์ก็ถูกสมมุติ สิ่งแวดล ้อม เรื่องวิหารธรรม ฯลฯ เหล่านี้
ปัจจัยการพัฒนาเพื่อความ แล ้ว ก็จะยังคงพายเรือวนอยู่
ก ้าวหน้าของมนุษย์ของโลก ในอ่างไม่อาจจะเข ้าถึง
ตลอดจนถึงคําว่า "จิต" ธรรมชาติแท ้ที่สมบูรณ์ได ้
คําว่าอะไรต่ออะไร ฯลฯ ทุกคํา อย่างแน่นอน
ล ้วนเป็นสมมุติ เป็นมายา
ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ตัวตน (หมายเหตุ: สมมุติว่ายังคง
จิตก็มิใช่ตัวตน สงสัยเรื่องจิต หรือจิตมายา ว่า
มันจะอยู่ของมันอย่างไรนั้น
การพัฒนาการความเจริญของ ขอตอบว่าในโลกของสมมุติ
โลกก็ดําเนินต่อไป อย่าง โลกของมายา จิตมายา มันจะ
สมมุติๆ อย่างชั่วคราว เจริญ แสดงความเป็นมายาของมัน
แล ้วก็เสื่อม เป็นอนิจจัง ไม่ ออกมาโดยอัตโนมัติ เช่นใน
คงที่ ไม่คงทน เรื่องความคิดฯลฯ
เมื่อเรารู้เท่าทัน... อยู่ที่เรา ซึ่งเป็นมายา เป็น
สมมุติ จะรู้เท่าทันความเป็น
เราจึงปล่อยวางเสียทั้งหมด มายาของทุกสิ่งหรือไม่
ปล่อยให ้สมมุติอยู่กับสมมุติ

