Page 13 - บุญตามหลักคำสอน ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
P. 13
การพูดค าหยาบ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตไม่ปองร้าย
มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นท าบุญด้วยการให้ทาน เช่น ข้าว น้ า ผ้า ยานพาหนะ
พวงมาลัยดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณ
พราหมณ์ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมได้เกิดเป็นมนุษย์ เขาย่อมได้กามคุณ ๕ อันเป็นของ
มนุษย์ในมนุษย์โลก ด้วยผลกรรมนั้น
๓.บุคคลผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการ
ประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด เว้นขาดจาก
การพูดค าหยาบ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตไม่ปองร้าย
มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นท าบุญด้วยการให้ทาน เช่น ข้าว น้ า ยานพาหนะ พวงมาลัย
ดอกไม้ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้น
เมื่อตายไป ย่อมได้เกิดเป็นเทวดา เขาย่อมได้กามคุณ ๕ อันเป็นทิพย์ในเทวโลก ด้วยผล
กรรมนั้น นี่แหละแม้ผู้ท าทานก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล
๑.๙ ที่มาแห่งบุญ ตถาคตตรัสกับท่านวัจฉะว่า แม้ผู้ใดสาดน้ าล้างภาชนะหรือน้ าล้าง
เศษอาหารลงไปแม้ในสัตว์เดรัจฉานซึ่งอาศัยอยู่ที่บ่อน้ าคล า หรือที่บ่อโสโครกข้างประตู
บ้านด้วยตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่นั้นจงประทังชีวิตด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้ กรรมคือการ
กระท าซึ่งมีการเทน้ าล้างภาชนะที่มีเศษอาหารนั้นถือเป็นเหตุ เป็นที่มาแห่งบุญ ยัง
จะต้องเสียเวลาพูดถึงทานให้สัตว์มนุษย์อยู่อีกท าไมว่าจะเป็นบุญไหม ๕ ช่วงเวลาที่ควร
ทาน คือ ๑.ทานให้กับผู้มาเยือน ๒.ทานให้ผู้ก าลังจะเดินทางไป ๓.ทานในเวลาข้าวของ
แพง ๔.ทานเมื่อได้เก็บเกี่ยวข้าวใหม่ ๕.ทานเมื่อเก็บผลไม้ใหม่ ผู้มีปัญญา รู้ความ
ประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมให้ทานในเวลาที่ควรให้ เพราะผู้ให้ทานตามกาลใน
พระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติซื่อตรง ผู้มีใจคงที่ เป็นผู้มีใจผ่องใส ทักขิณาทานจึงจะมีผล
มาก ใครก็ตามที่อนุโมทนา (ช่วยเหลือหรือแสดงความยินดีด้วย) ในทักขิณาทานนั้น
ทักขิณาทานนั้นย่อมไม่มีผลบกพร่อง เพราะการอนุโมทนานั้น แม้พวกที่อนุโมทนา ย่อม
เป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ เพราะฉะนั้นผู้มีจิตใฝ่ทานจึงควรให้ทานในเขตที่มีผลมาก บุญย่อม
เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คงเข้าใจแล้วว่าทานยังไงจึงจะได้ผล
บุญมากมีอานิสงมาก
บุญตามหลักค าสอนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เรียบเรียงและถ่ายทอด โดย หญ้าพันปี ๑๓