Page 190 - ตามรอยพระศาสดา
P. 190
189
ศีลเป็นฐานที่ยิ่งใหญ่
เปรียบเหมือนแผ่นดินที่รองรับทุกสิ่ง
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ศีลเป็นพื้นฐานเป็นที่รองรับคุณอันยิ่งใหญ่
ประหนึ่งแผ่นดินเป็นที่รองรับและตั้งลงแห่งสิ่งทั้งหลายทั้งที่มีชีพและหา
ชีพมิได้ เป็นต้นว่า พฤกษา ลดาวัลย์ มหาสิงขร และสัตว์จตุบท ทวิบาท
นานาชนิด บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบาย มีความปลอดโปร่งเหมือน
เรือนที่บุคคลปัดกวาดเช็ดถูเรียบร้อย ปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ศีลนี้เองเป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือความ
สงบใจ สมาธิที่มีศีลเป็นเบื้องต้น เป็นสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
บุคคลผู้มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบ เหมือนเรือนที่มีฝาผนัง มีประตูหน้าต่าง
ปิดเปิดได้เรียบร้อย มีหลังคาส�าหรับป้องกันลม แดด และฝน ผู้อยู่ในเรือน
เช่นนี้ ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อนฉันใด บุคคลผู้มีจิตเป็นสมาธิก็
ฉันนั้น ย่อมสงบอยู่ได้ ไม่กระวนกระวายเมื่อลมแดดและฝน กล่าวคือ
โลกธรรมแผดเผากระพือพัดซัดสาดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิอย่างนี้
ย่อมก่อให้เกิดปัญญาในการฟาดฟันย�่ายีและเชือดเฉือนกิเลส อาสวะ
ต่าง ๆ ให้เบาบางและหมดสิ้นไป เหมือนบุคคลผู้มีก�าลังจับศาสตรา
อันคมกริบ แล้วถางป่าให้โล่งเตียนก็ปานกัน”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ปัญญาซึ่งมีสมาธิเป็นรากฐานนั้นย่อมปรากฏ
ดุจไฟดวงใหญ่ ก�าจัดความมืดให้ปลาสนาการ มีแสงสว่างรุ่งเรืองอ�าไพ ขับ
ฝุ่นละอองคือกิเลสให้ปลิวหาย ปัญญาจึงเป็นประดุจประทีปแห่งดวงใจ”
ตามรอยพระศาสดา