Page 195 - ตามรอยพระศาสดา
P. 195

194


          มนุษย์ยอมตัวเป็นทาสของสังคม

          ที่กลายเป็นเครื่องจองจ�าชีวิต



                 “ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ท�าไมมนุษย์จึงยอมตัวอยู่ภายใต้การจองจ�า
          ของสังคม ซึ่งมีแต่ความหลอกหลอน สับปลับและแปรผัน ท�าไมมนุษย์

          จึงยอมตัวเป็นทาสของสังคมจนแทบจะกระดิกกระเดี้ยตัวมิได้ จะท�าอะไร
          คิดอะไรก็ต้องค�านึงถึงความรู้สึกของสังคมไปเสียหมด สังคมจึงกลายเป็น
          เครื่องจองจ�าชีวิต ที่มนุษย์ซึ่งส�าคัญตัวว่าเจริญแล้วช่วยกันสร้างขึ้น เพื่อ

          ผูกมัดตัวเองให้อึดอัดร�าคาญ มนุษย์ยิ่งเจริญขึ้นก็ดูเหมือนจะมีเสรีภาพ
          น้อยลงทั้งทางกายและทางใจ

                 ดู ๆ แล้ว ความสะดวกสบายและเสรีภาพของมนุษย์จะสู้สัตว์
          เดรัจฉานบางประเภทไม่ได้ ที่มันมีเสรีภาพที่จะท�าอะไรตามใจชอบอยู่เสมอ
          ดูอย่างเช่น ฝูงวิหคนกกา มนุษย์เราเจริญกว่าสัตว์ตามที่มนุษย์เราเองชอบ

          พูดกัน แต่ดูเหมือนพวกเราจะมีความสุขน้อยกว่าสัตว์ ภาระใหญ่ที่ต้อง
          แบกไว้ คือ เรื่องกาม เรื่องกิน และเรื่องเกียรติ มันเป็นภาระหนักยิ่งของ

          มนุษยชาติ สัตว์เดรัจฉานตัดไปได้อย่างหนึ่ง คือ เรื่องเกียรติ คงเหลือแต่
          เรื่องกามและเรื่องกิน นักพรตอย่างพวกเธอนี้ตัดไปได้อีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่อง
          กาม คงเหลือแต่เรื่องกินอย่างเดียว ปลดภาระไปได้อีกมาก แต่การกินอย่าง

          นักพรตกับการกินของผู้บริโภคกาม ก็ดูเหมือนจะบริโภคแตกต่างกันอยู่
          ผู้บริโภคกามและยังหนาแน่นอยู่ด้วยโลกียวิสัย บริโภคเพื่อยุกามให้

          ก�าเริบจะต้องกินอย่างมีเกียรติ กินให้สมเกียรติ มิใช่กินเพียงเพื่อให้
          ร่างกายนี้ด�ารงอยู่ได้อย่างสมณะ ความจริงร่างกายคนเรามิได้ต้องการ
          อาหารอะไรมากนัก เมื่อหิว ร่างกายก็ต้องการอาหารเพียงเพื่อบ�าบัด

          ความหิวเท่านั้น แต่เมื่อมีเกียรติเข้ามาบวกด้วย จึงกลายเป็นเรื่องกินอย่าง



                                  ตามรอยพระศาสดา
   190   191   192   193   194   195   196   197   198   199   200