Page 335 - คู่มือตุลาการ เล่มที่ 1 วิ.แพ่ง มีสารบัญ ebook
P. 335

คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง   ๓๐๗


                  จึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๒๖๔ ที่โจทก์จะขอให้ห้ามจ าเลยเก็บค่าเช่าและขอให้ศาลตั้ง

                  บุคคลอื่นไปเก็บค่าเช่าและดูแลกิจการแทน (ฎีกาที่ ๖๑๐/๒๕๔๓)


                            ๔.๔  กรณีโจทก์ยื่นค าร้องขอให้ตั้งผู้จัดการทรัพย์ที่พิพาท  และน าเงินที่ได้มาวางศาล

                  หากเห็น สมควรอนุญาต  สั่งว่า“โจทก์ จ าเลย เป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ

                  อยู่อาศัยที่โรงแรมและบ้านเช่าอันเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์ที่พิพาท  ทรัพย์ที่พิพาทปลูกอยู่

                  บนที่ดินที่โจทก์ถือกรรมสิทธิ์สมควรน าวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณา

                  มาใช้เกี่ยวกับรายได้ในกิจการโรงแรมและบ้านเช่า

                             จึงมีค าสั่งตั้งนาย ก. เป็นผู้จัดการทรัพย์พิพาท  ให้น าเงินที่ได้จากกิจการดังกล่าว

                  มาวางศาลทุกเดือน”

                             หากเห็นสมควรยกค าร้อง  สั่งว่า “ตามค าร้องของโจทก์และค าคัดค้านของผู้คัดค้าน

                  มีประเด็นที่ศาลจะต้องชี้ขาดว่า ผู้คัดค้านเป็นบริวารจ าเลยหรือไม่  หากโจทก์ชนะคดี โจทก์ก็มี

                  สิทธิให้ บังคับผู้คัดค้านออกไปจากทรัพย์ที่พิพาท หามีสิทธิบังคับให้ ผู้คัดค้านช าระค่าเช่าหรือ

                  ค่าเสียหายแก่โจทก์ไม่  โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลใช้วิธีการคุ้มครองโจทก์ตาม  ป.วิ.พ.

                  มาตรา ๒๖๔ จึงให้ยกค าร้องของโจทก์ ”  (ฎีกาที่ ๑๑๗๗/๒๕๒๔)


                            ๔.๕  ในคดีร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า  ผู้ร้องหรือผู้คัดค้าน

                  สมควรเป็นผู้จัดการมรดก  ไม่เป็นคดีที่จะร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาหรือบังคับ

                  ตามค าพิพากษาตามมาตรา ๒๖๔  (ค าสั่งค าร้องศาลฎีกาที่ ๗๐๒/ ๒๕๒๙, ๖๐๙/๒๕๓๑)


                            ๔.๖ มาตรา ๒๖๔ มิได้บัญญัติให้น ามาตรา ๒๕๔ วรรคสอง มาใช้บังคับ ดังนั้น  เมื่อศาล

                  ชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว  คดีย่อมอยู่ในอ านาจของศาลอุทธรณ์หรือฎีกาแล้วแต่กรณี

                  อ านาจในการพิจารณาสั่งค าขอตามมาตรา ๒๖๔ จึงเป็นอ านาจของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา

                  โดยไม่ต้องค านึงว่าศาลชั้นต้นจะได้ส่งส านวนไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วหรือไม่  ทั้งนี้

                  ศาลชั้นต้นจะท าหน้าที่เพียงไต่สวนเท่านั้น  แล้วส่งค าขอไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิจารณาสั่ง

                  (เทียบฎีกาที่ ๑๕๗๘/๒๕๑๔, ๓๗๔๙/๒๕๓๓, ๒๕๗๓/๒๕๓๖)


                        ข้อสังเกต

                            ๑. ต้องดูค าขอท้ายฟ้องของโจทก์ด้วยว่าเมื่อโจทก์ชนะคดีแล้วจะบังคับตามค าขอ

                  คุ้มครองประโยชน์นั้นได้หรือไม่  ถ้าบังคับไม่ได้ก็ไม่สมควรจะน าวิธีการชั่วคราวมาใช้บังคับ

                  (ฎีกาที่ ๔๖๑/๒๕๐๗,  ๑๒๒/๒๕๑๒,  ๑๒๘๗/๒๕๑๓,  ๑๖๗๘/๒๕๒๕)

                             ๒. การขอทุเลาการบังคับ ตามมาตรา ๒๓๑ นั้น ถ้าศาลเห็นว่าเข้ามาตรา ๒๖๔

                  ก็คุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาได้  เช่น  ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ขับไล่จ าเลย
   330   331   332   333   334   335   336   337   338   339   340