Page 26 - ลง E book - สำเนา
P. 26

รูปที่ 5 แสดงพื้นผิวที่แท้จริงในระดับจุลภาค

                                                        ก. แสดงผิวเจียรนัย
                                                    ข. แสดงสิวจากการพ่นทราย
                                                  ค. แสดงผิวจากการกลึงด้วยเพชร

                                                 (ที่มา : สุรพล ราษร์นุ้ย. 2545 : 35)

                              จะเห็นได้ว่า เมื่อหาค่าความเค้นในระดับจุลภาคแล้ว จะท าให้ค่าความเค้นจริงที่เกิดขึ้น มีค่า
                       สูงมากเกินค่าความแข็งแรงของวัสดุ โดยที่ยอดแหลมๆ ที่เห็นจากภาพขยายของผิวงาน ถูกเรียกกันว่า
                       “Asperities” เมื่อมีการสัมผัสการของชิ้นงาน จุดที่จะรับภาระจริงในระดับจุลภาคคือ Asperities ซึ่ง

                       มีพื้นที่เล็กๆ และเมื่อค่าภาระสูงเกินค่าความแข็งแรง Asperities เหล่านี้ จะเสียรูป/ยุบตัวโดยถาวรใน
                       ขณะที่ Asperities ชิ้นส่วนเหล่านี้หยุดนิ่ง เมื่อเริ่มมีการเคลื่อนที่ เสียรูปโดยถาวรดังกล่าวจะถูกเฉือน
                       ตัวออกไป และกลายเป็นเศษโลหะจากการสึกหรอที่ปะปนอยู่ในน้ ามันหล่อลื่นนั่นเอง ดังนั้น ไม่ว่าจะ

                       ใช้ภาวะต่ าหรือสูง ก็จะท าให้เกิดการสึกหรอเสมอ

                       4. การสึกหรอ

                              สามารถแบ่งได้เป็น 4 คนไกล คือ
                              1. กลไกการสึกหรอแบบยึดติด (Adhesive ware) เป็นกลไกที่เกิดขึ้นจากการที่มีการเกิด
                       พันธะยึดติดกันของ Asperities และมีการฉีกขาดตัวออกไปของพันธะที่เกิดขึ้นที่ในขณะที่ชิ้นงานมี
                       การเคลื่อนที่พันธะที่เกิดการ “เยิ้มติด” หรือ “เชื่อมติดกัน” ของ Asperities มีเรียกว่าการเชื่อมเย็น

                       ลักษณะการเกิดการสึกหรอแบบยึดติดแสดงในรูปที่ 6
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31