Page 144 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 144
หน้า ๑๓๒ ส่วนที่ ๓
ิ
๔. ด้านสภาพแวดล้อม มีการพจารณาถึงแนวทางการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
กับการปรับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการด าเนินชีวิตของบุคคลในทุกช่วงวัย
ั
กระทรวงการพฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีแผนบูรณาการด้านการขับเคลื่อน
เพื่อรองรับสังคมสูงวัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส านักนายกรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน กระทรวง
ื่
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพอเศรษฐกิจ
และสังคม โดยมีแผนขับเคลื่อนใน ๒ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การเตรียมความพร้อมของกลุ่มบุคคลอายุ
ั
๒๕ - ๕๙ ปี และ (๒) การสร้างพฒนาศักยภาพให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดท าแผนปฏิบัติการ
ิ
ั
ด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ ๓ และผ่านการพจารณาของส านักงานสภาพฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว
อยู่ระหว่างการรอน าเสนอคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.
๒๕๔๖ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอรับฟงความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพอน าข้อมูลมาวิเคราะห์และ
ื่
ั
จัดท าร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย
ผู้แทนมูลนิธิสถาบันวิจัยและพฒนาผู้สูงอายุไทย ได้ชี้แจงให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการว่า
ั
สถานการณ์การสูงวัยของประชากรไทย ปี ๒๕๖๓ มีประชากรผู้สูงอายุ (อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป) จ านวน
๑๒ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๘.๑ ของประชาการทั้งหมด โดยเป็นผู้สูงอายุวัยปลาย (อายุ ๘๐ ปีขึ้นไป)
จ านวน ๑.๔ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๒ ของประชากรทั้งหมด ซึ่งต่อไปนี้ประชากรไทยจะมีอายุสูงขึ้น
อย่างเร็วมาก ส านักงานสภาพฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดประมาณว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่
ั
สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี ๒๕๖๕ เมื่อมีประชากรผู้สูงอายุ (อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป) มีสัดส่วนถึงร้อยละ ๒๐
ของจ านวนประชากรทั้งหมด และประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ในปี ๒๕๗๔ เมื่อมี
ประชากรผู้สูงอายุ (๖๕ ปีขึ้นไป) มีสัดส่วนถึงร้อยละ ๒๐ ของประชากรทั้งหมด หรือประชากรที่มีอายุ
๖๐ ปีขึ้นไปมีสัดส่วนถึงร้อยละ ๒๘ ของประชากรทั้งหมด โดยในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า (ปี ๒๕๘๓) จ านวน
ิ่
ผู้สูงอายุ (๖๐ ปีขึ้นไป) จะเพมจาก ๑๒ ล้านคน เป็น ๒๑ ล้านคน ซึ่งมีสถิติจ านวนผู้ป่วยสมองเสื่อม ปี ๒๕๖๓
จ านวน ๖๕๑,๙๕๐ คน และคาดประมาณว่าในปี ๒๕๘๓ จะมีจ านวนรวม ๑,๓๙๖,๔๗๒ คน
สวัสดิการด้านการเงินของรัฐส าหรับผู้สูงอายุจะมีจ านวนเพมมากขึ้นตามจ านวนผู้สูงอายุ
ิ่
โดยในปี ๒๕๖๒ มีผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ จ านวน ๙.๐๙ ล้านคน มีงบประมาณ ๗๑.๙ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๓
มีผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ จ านวน ๙.๖๗ ล้านคน มีงบประมาณ ๗๖.๓ ล้านบาท ส าหรับด้านการส่งเสริม
ศักยภาพของผู้สูงอายุจะมีการรวมกลุ่มของผู้สูงอายุ ทั้งชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุ รวมถึงศูนย์พฒนา
ั
ั
คุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ซึ่งกระทรวงการพฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ด าเนินงานดูแลอยู่ โดยจะมีจ านวนเพิ่มมากขึ้นในทุกปี
ั
ั
สถาบันวิจัยและพฒนาผู้สูงอายุไทย ได้มีการศึกษาและพบว่าแนวทางการด าเนินงานพฒนา
คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุควรมีการพัฒนาใน ๓ ประเด็น ดังนี้
ื่
ั
๑. การพฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพที่ยังเป็นช่องว่างอยู่ในปัจจุบัน เพอลดผู้สูงอายุที่อยู่
ึ่
ในภาวะพงพงในอนาคต โดยให้มีการเชื่อมต่อระบบบริการสุขภาพในทุกสถานพยาบาลอย่างไร้รอยต่อ
ิ
เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงสิทธิในระบบการดูแลผู้สูงอายุทั้งในระยะกลาง ระยะยาว และระยะท้าย
๒. การพฒนานโยบายและกลไกเพอสร้างโอกาสและเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุให้มีงานท า
ื่
ั
ึ่
โดยไม่จ าเป็นต้องพงพงการจ้างงานในระบบ โดยให้มีการสนับสนุนผู้สูงอายุที่ยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ิ
สามารถท างานได้ และประสงค์ที่จะท างาน ได้มีโอกาสท างานต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นการท างานเพื่อสนับสนุน
ชุมชน ท้องถิ่นตามวิถีชีวิตของแต่ละท้องที่ต่อไปได้