Page 13 - Psychology
P. 13
หน้ า | 10
ขั้นเตรียมสําหรับความคิดที่มีเหตุผล ( Preopertion or Preconceptural Stage or Concret
Thinking Operations) ระยะอายุ 2-7 ปี พัฒนาการทางเชาน์ปัญญาของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้เป็น
ส่วนใหญ่ เด็กจะเริ่มเรียนรู้และเข้าใจสัญลักษณ์ต่างๆได้ดีขึ้น เริ่มมีพัฒนาการทางด้านภาษาด้วยการสามารถ
พูดเป็นประโยต รู้จักคําเพิ่มมากขึ้น คิดสิ่งต่างๆในใจได้ อย่างไรก็ตาม ความคิดของเด็กในวัยนี้มีข้อจํากัด
หลายอย่าง โดยเฉพาะระยะต้นของวัย พัฒนาการทางเชาวน์ปัญญาในขั้นที่ 2 นี้อาจสรุปได้ดังนี้
1. เด็กจะเริ่มเข้าใจภาษาได้ดีขึ้นและเรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆรอบตัวจะมีชื่อเรียกเฉพาะ มีความสามารถ
ในการใช้ภาษาเพื่อแก้ปัญหาให้กับตนเองได้
2. เด็กจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่ (deferred imitation) เช่น เล่นขายของ เล่น
กับตุ๊กตาซึ่งมักจะเป็นการแสดงเลียนแบบผู้ใหญ่ที่เกิดจากความทรงจํา โดยที่ตัวแบบไม่จําเป็นต้องอยู่
ตรงหน้าขณะนั้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้สิ่งของอื่นๆแทนของจริงได้ เช่น ใช้กล่องแทนรถ ไม้บรรทัด
แทนเครื่องบิน ปากกาแทนปืน เป็นต้น
3. เด็กวัยนี้จะมีความตั้งใจทีละอย่าง ( centration) ดังนั้นจึงทําให้เกิดความคลาดเคลื่อนจาก
ความเป็นจริงได้ เช่น เพียเจย์ให้เด็กอายุ 5 ปีดูลูกปัดไม้ 1 กล่อง ซึ่งประกอบด้วยลูกปัดไม้สีขาว 20 ลูก
สีน้ําตาล 7 ลูก แล้วถามว่าลูกปัดไม้กล่องมีสีอะไรมากที่สุด เด็กตอบถูกว่าสีขาว และเมื่อถามต่อไปว่า ระหว่าง
ลูกปัดไม้สีขาวกับลูกปัดทั้งหมด อะไรมีจํานวนมากกว่ากัน เด็กกับตอบว่าสีขาวมากกว่า แทนที่จะตอบว่าเป็น
ลูกปัดไม้ทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากเด็กยังไม่เข้าใจว่าลูกปัดไม้สีขาวเป้นส่วนหนึ่งของลูกปัดไม้ทั้งหมด เป้นต้น
4. เด็กวัยนี้จะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง (ego centrism) ดังนั้นเด็กจะไม่เข้าใจถึงความคิดหรือ
รู้สึกของผู้อื่น จะยึดตาความคิด ความรู้สึกและความต้องการของตนเท่านั้น เช่น ถ้าเราเห็นเด็กสองคนคุยกัน
อยู่เราอาจเข้าใจว่าเขากําลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ แต่แท้จริงแล้วเขากําลังต่างคนต่างคุยเรื่องของ
ตัวเองเท่านั้น ความจริงของเด็กวัยนี้คือสิ่งที่เขาได้มีโอกาสรับรู้เท่านั้น
5. เด็กวัยนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการเรียงลําดับได้ (seriation)เช่นไม่สามารถเรียงลําดับตัวเลข
จากน้อยไปหามากหรือจากมากไปหาน้อย ไม่สามารถเปรียบเทียบความสั้นยาวของวัตถุได้ นอกจากนี้เด็กยัง
ไม่เข้าใจการคิดย้อนกลับไปมา (reversibility)ได้ เช่น 1+2+=2 แล้ว2-1=1ได้เช่นกัน
6. เด็กวัยนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับคนสภาพปริมาณของสสาร (conservation)เนื่องจากเด็กใน
วัยนี้จะให้เหตุผลว่าเหตุผลจากรูปร่าง(status)เท่านั้นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเป็นรูปอื่น(transformation)
จากการทดสอบของเพียเจต์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อสรุปดังกล่าวนี้คือเพียเจต์ได้ใช้แก้วน้ําที่มีขนาด
และความสูงเท่ากันทั้งสองใบใส่น้ําให้มีระดับพอดีกันจากในรูป3.7(ก)เมื่อถามเด็กว่าน้ําทั้งสองแก้วนี้เท่ากัน
หรือไม่เด็กตอบว่าเท่ากัน จากนั้นจึงนําน้ํา(B)ไปใส่ในแก้ว(C)ซึ่งมีรูปทรงแตกต่างกันไปจากแก้วทั้งสองใบคือสูง
และเล็กกว่า ดังรูป(ข)จึงทําให้น้ําในแก้ว(C)มีปริมาณมากกว่าแก้ว(A)ดังรูป(ค)เมื่อถามเด็กว่าน้ําในแก้ว(A)และ
(C)เท่ากันหรือไม่ เด็กตอบว่าไม่เท่ากัน น้ําในแก้ว(C)มากกว่าแก้ว(A)จากการทดสอบในครั้งนี้ทําให้เห็นได้ว่าเด็ก
ยังไม่สามารถเข้าใจเหตุผลของหลักการคงสภาพของสสารที่มีปริมาณเท่ากัน ถึงแม้เปลี่ยนรูปทรงของภาชนะที่
รองรับเป็นรูปทรงใดก็ตาม ปริมาณของสสารก็จะคงที่อยู่เสมอแต่เด็กจะตัดสินจากสิ่งที่ตัวเองเห็นเท่านั้น