Page 184 - HiPPS Capability Development Program 2558
P. 184
ติดปีกความคิด จาก HiPPS รุ่น 11
1. เกาหลีใต้ให้ความส าคัญกับการ “จิตวิญญาณเราท าได้ (Can-do Spirit)” ที่คน
พัฒนาคน ลึกลงไปถึงระดับ เกาหลียึดเป็นหลักในการท างานจวบจนปัจจุบัน
“ทัศนคติ” ค าถามคือ รัฐบาลก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
เป็นที่ยอมรับกันว่า “คนเกาหลี” คือ ในระดับทัศนคติได้อย่างไร ?
ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ นายพลปาร์ค จุง ฮี (Park Chung-hee)
เพราะจริยธรรมในการท างาน (Work Ethics) ผู้น าประเทศในช่วงต้นทศวรรษ 1960
ของคนเกาหลีคือ ความอดทน ความตั้งใจและ มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคน
ทุ่มเทท างานอย่างหนัก และไม่ย่อท้อต่อ ในชาติ จากการรอคอยชะตาฟ้าลิขิต มาเป็น
อุปสรรค เมื่อใดลงมือท าแล้ว จะมุมานะท า การ “ลงมือท าจึงจะส าเร็จ” ผ่านโครงการ
จนส าเร็จ และส าเร็จอย่างเกินความคาดหมาย ที่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
เสมอ อย่ าง “แ ซม า อึล อุน ดง ” ( Saemaul
3
หรือนี่คือความโชคดีของเกาหลีใต้ที่ Undong) ซึ่งท าให้ชาวบ้านเข้าใจค าว่า
ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อการท างานอยู่แล้ว “ความร่วมแรงร่วมใจ” และ “ลงมือท าเท่านั้น
โดยธรรมชาติ ? จึงจะประสบความส าเร็จ” ได้อย่างชัดเจน
ความจริงแล้ว แม้แต่คนเกาหลีเองก็ยัง ซึ่งรัฐบาลก็ด าเนินนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่อง
เคยตั้งข้อสังเกตว่า จริยธรรมการท างาน จนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าโครงการดังกล่าว
อันน่าพึงประสงค์ที่พวกเขามีเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มี นอกจากจะประสบความส าเร็จในการยกระดับ
มาแล้วแต่ดั้งเดิมหรือเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ จิตใจของประชาชนชาวเกาหลีให้กลายเป็นคน
เพราะหากมีลักษณะเช่นนี้มาช้านาน เกาหลีใต้ ขยัน และรู้จักพึ่งตนเองแล้ว ยังประสบ
ย่อมประสบความส าเร็จและเป็นมหาอ านาจมา ความส าเร็จในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้ได้รับ
ตั้งแต่ในอดีต เหตุใดจึงเพิ่งมาประสบ
ความส าเร็จหลังการพัฒนาประเทศเมื่อไม่กี่
ทศวรรษที่ผ่านมา ศาสตราจารย์โช นัมกุ๊ก
3
แซมาอึล อุนดง (Saemaul Undong) เริ่มต้นจากการ
นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอีวา (อ้างถึงใน แจกจ่ายปูนซีเมนต์และเหล็กเส้นให้หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 335
ด ารงค์ ฐานดี, ม.ป.ป.) วิเคราะห์ไว้อย่าง ถุง จ านวน 34,685 หมู่บ้าน พรอมทั้งกระตุ้นใหชาวบ้าน
น่าสนใจว่า วัฒนธรรมดั้งเดิมของคนเกาหลีคือ ร่วมมือกันจัดท าโครงการปรับปรุงหมู่บ้านของตนเอง หาก
วัฒนธรรมแบบยอมรับ (Passive) เชื่อและ ส าเร็จจะได้รับรางวัลเป็นวัสดุในการพัฒนาหมู่บ้านเพิ่มเติม
(วรทัศน์ อินทรัคคัมพร, ม.ป.ป.) แต่หากไม่ส าเร็จ ก็ถือว่าไม่
ยอมตามที่โชคชะตาลิขิต (fatalism) แต่ในช่วง มีการพัฒนาหมู่บ้านไปโดยปริยาย ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วม
ต้นทศวรรษ 1960 เมื่อรัฐบาลมีบทบาทน า ใจเพื่อปรับปรุงหมู่บ้านกันอย่างเข้มแข็ง และเมื่อได้รับ
การพัฒนาประเทศอย่างเห็นได้ชัด แนวความคิด รางวัลก็เกิดความภาคภูมิใจ และเชื่อมั่นในการลงมือท าและ
passive จึงเริ่มเป็นเชิงรุกมากขึ้น จนเกิด พึ่งพาตนเอง จนยึดถือเป็นคติพจน์ในการท างานนับแต่นั้น
มา
169

