Page 79 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 79

69



                       เป็นอยู่เพื่อปากท้อง ส าหรับชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองและอยู่ไกลความเจริญก็หันไปยึดอาชีพ
                       ประมงชายฝั่งทดแทนอาชีพเดิม
                                        ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ต าบลแหลมใหญ่เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
                       พื้นที่ปุาชายเลนลดน้อยลง คลื่นจากมรสุมธรรมชาติและคลื่นจากเรือประมงขนาดใหญ่ แรงลมตั้งแต่

                       เดือนตุลาคม-เมษายน ท าให้คลื่นแรง การตัดไม้ การท านากุ้ง และภาวะโลกร้อนท าให้กระแสลม
                       มีความรุนแรงขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินมาท าบ่อเลี้ยงกุ้ง โปฺะดักปลาทู และกล่ า
                       ลดลงจึงขาดตัวชะลอคลื่นลมในทะเลให้อ่อนก าลังลง การสร้างเขื่อนส่งผลต่อกระแสการไหลของน้ า
                       สู่ทะเลและท าให้ร่องน้ าเปลี่ยนแปลง ตลอดจนคนในชุมชนขาดจิตส านึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร

                       ธรรมชาติ มีการตัดไม้ท าลายปุา ท าให้ระบบนิเวศสูญเสีย การหาหอยแครงโดยใช้เครื่องยนต์
                                        องค์ความรู้และภูมิปัญญาการจัดการพื้นที่ เพื่อปูองกันและลดผลกระทบจาก
                       ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน ได้แก่ การปลูกปุาชายเลนเพื่อเพิ่มพื้นที่ของปุาชายเลน
                       การท าแนวปูองกันคลื่นโดยการปักลอ กล่ า การท าแนวปะการัง การทิ้งหิน เพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่ง

                       ที่เกิดขึ้นควบคู่กับการสร้างจิตส านึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติ จากการด าเนินงานของทีมวิจัยในเบื้องต้น
                       พบว่า แนวทางในการปูองกันและแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนต าบล
                       แหลมใหญ่ ควรจะมีการพูดคุยสร้างความเข้าใจ การร่วมกันปลูกปุาชายเลน และการท าแนวปูองกัน

                       คลื่นเพื่อสร้างกระแสการช่วยกันปูองกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืนสู่ชุมชนรุ่นหลังต่อไป
                                        บุญช่วย อรรถวรรธน (2555) ศึกษาสภาพพื้นที่ปุาชายเลนในจังหวัดสมุทรสาคร
                       โดยเป็นการส ารวจสภาพพื้นที่ปุาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติปุาสงวนแห่งชาติ
                       ระบบนิเวศปุาชายเลน สภาพการกัดเซาะชายฝั่ง และการใช้ประโยชน์จากปุาชายเลนในอดีตจังหวัด
                       สมุทรสาครมีพื้นที่ปุาชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ตลอดแนวชายฝั่งทะเล และปุาชายเลนได้ถูกก าหนดให้เป็น

                       ปุาสงวนแห่งชาติ จ านวน 2 ปุา พื้นที่รวม 16,208 ไร่ ได้แก่ ปุาอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันออก อยู่ในท้องที่
                       ต าบลบางหญ้าแพรก ต าบลโคกขาม ต าบลพันท้ายนรสิงห์ อ าเภอเมืองสมุทรสาคร มีเนื้อที่ 7,343 ไร่
                       และปุาอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก อยู่ในท้องที่ต าบลนาโคก ต าบลกาหลง ต าบลบางโทรัด ต าบลบ้านบ่อ

                       ต าบลบางกระเจ้า และต าบลบางหญ้าแพรก อ าเภอเมืองสมุทรสาคร มีเนื้อที่ 8,865 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่
                       ปุาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี ประมาณ 223,405 ไร่ ยังคงสภาพปุาชายเลนประมาณ 25,257 ไร่
                       ในเขตปุาสงวนแห่งชาติ 2 แห่ง มีสภาพปุาเหลืออยู่ประมาณ 450 ไร่ สภาพทั่วไปเป็นปุาชายเลนขึ้นอยู่
                       เป็นหย่อมๆ ตามชายฝั่งทะเลแนวกว้างประมาณ 200-300 เมตรและสองฝั่งแม่น้ าล าคลองเป็น

                       แนวแคบๆ ระยะประมาณ 10-12 เมตร
                                        ปัจจุบันได้ตั้งเป็นศูนย์ธรรมชาติปุาชายเลนอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก จังหวัดสมุทรสาคร
                       นอกจากนั้นมีสภาพเป็นทะเลโคลนเนื่องจากการกัดเซาะของกระแสน้ าและคลื่นลมธรรมชาติ จังหวัด
                       สมุทรสาคร มีลักษณะพื้นที่ชายฝั่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มและปุาชายเลนมีแม่น้ าท่าจีนไหลผ่านตอนกลาง

                       ของพื้นที่ ปัจจุบันพบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการเปลี่ยนไปใช้ประโยชน์ที่ดินในทางอื่น เช่น การเพาะเลี้ยง
                       สัตว์น้ า โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่อยู่อาศัย เป็นต้น ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีระบบนิเวศเปลี่ยนไป
                       จากเดิม ดังจะเห็นได้จากการเสื่อมสภาพของปุาชายเลนส่งผลกระทบต่อชาวประมง โดยเฉพาะประมง
                       พื้นบ้าน คือ ท าให้ปริมาณสัตว์น้ าที่เคยจับได้เพื่อยังชีพลดลงอย่างมาก จังหวัดสมุทรสาครมีพื้นที่ชายฝั่ง

                       ยาวประมาณ 42 กิโลเมตร โดยการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมา
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84