Page 13 - ดวงพิชัยสงคราม
P. 13
เมื่อพระมหาอุปราชาแตกทัพกลับไปครั้งก่อน ท�าให้พระเจ้าหงสาว
ดีนันทบุเรงทรงพระวิตกยิ่งนัก เพราะว่าพม่าเสียทั้งรี้พลและอ�านาจ เป็น
เหตุให้เมืองขึ้นต่างๆ ของพม่าเกิดความเคลื่อนไหวที่จะแข็งเมืองทั่วไป
การที่จะรักษาอ�านาจพม่าไว้ได้ ก็ด้วยการเอาชนะไทยให้ได้ พระเจ้าหงสาว
ดีจึงให้พระมหาอุปราชา ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีก ในปี พ.ศ. 2135
กองทัพพระมหาอุปราชายกออกจากเมืองหงสาวดี เมื่อวันพุธ
ขึ้น 7 ค�่า เดือนอ้าย ปีมะโรง พ.ศ. 2135 เดินทัพมาทางด่านเจดีย์สาม
องค์ เมื่อล่วงเข้าถึงต�าบลไทรโยค ก็ให้ตั้งค่ายลง แล้วปรึกษาแผนการที่
จะเข้าตีเมืองกาญจนบุรี และเมื่อล่วงมาถึงล�าตะเพินในต�าบลลาดหญ้า ก็
ให้พระยาจิตตองคุมพลสร้างสะพานเรือก เพื่อใช้ข้ามล�าน�้าสายนี้ เมื่อเข้า
เมืองกาญจนบุรีได้ก็พักอยู่หนึ่งคืน แล้วเคลื่อนทัพมายังต�าบลตระพัง
กรุ แขวงเมืองกาญจนบุรี พระมหาอุปราชาก็ทรงให้ตั้งค่ายแบบดาว
ล้อมเดือน ตรง ชัยภูมินาม ทัพพม่ายกมาครั้งนี้ จนล่วงเข้าเขต
กาญจนบุรี ไม่มีทัพไทยไปขัดตาทัพเลย จึงยกเข้ามาได้ตามล�าดับ จนเข้า
เขตเมืองสุพรรณบุรี แขวงบ้านพนมทวนเวลาบ่ายสามโมง เกิดลมเวรัม
ภาพัดหมุนเป็นเกลียว ท�าให้เศวตฉัตรของพระมหาอุปราชาหักสะบั้นลง
พระมหาอุปราชาเห็นเป็นลางร้าย มีความหวาดหวั่นพรั่นพระหฤทัยที่จะมา
ท�าสงครามเพิ่มมากขึ้น กองทัพพม่ายกมาถึงต�าบลตระพังกรุ แขวง
เมืองสุพรรณบุรี ก็ให้หยุดตั้งทัพอยู่ ณ ที่นั้น แล้วให้สมิงจอดราน
สมิงเป่อ สมิงซาม่วน คุมกองทัพม้า ออกลาดตระเวนหาข่าวกองทัพ
พม่าที่จะยกลงมาทางเหนือ และสืบข่าวกองทัพฝ่ายไทย ว่าได้ยกออกมา
และวางก�าลังต่อสู้ไว้ที่ใดบ้าง
มีความในพระราชพงศาวดาร แสดงถึงความอัศจรรย์ตอนหนึ่ง
ว่า ขณะเมื่อสมเด็จพระนเรศวร ประทับอยู่ที่ค่ายหลวง ต�าบลมะขาม
หวาน ก่อนวันที่จะเสด็จยกกองทัพไปเมืองสุพรรณบุรี ในตอนกลาง
คืน พระองค์ทรงพระสุบินว่า มีน�้าท่วมป่า หลากมาแต่ทางทิศตะวันตก
พระองค์เสด็จลุยน�้าไปพบจระเข้ใหญ่ตัวหนึ่ง ได้เข้าต่อสู้กัน ทรงประหาร
จระเข้นั้นสิ้นชีวิตด้วยฝีพระหัตถ์ สายน�้านั้นก็เหือดแห้งไป ทรงมีรับสั่งให้
โหรท�านายพระสุบินนั้น พระยาโหราธิบดีกราบทูลพยากรณ์ว่า เสด็จไป
คราวนี้จะได้รบพุ่งกับข้าศึก เป็นมหายุทธสงคราม ถึงได้ท�ายุทธหัตถีและจะ
มีชัยชนะข้าศึก
ดวงพิชัยสงคราม 13