Page 6 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 6

๒




               บริพารออกไปศึกษายังต่างประเทศ สนับสนุนให้มิชชั่นนารีเปิดโรงเรียนสอนวิทยาการแบบตะวันตกเพื่อ

               เป็นการขยายวิทยาการแบบใหม่ไปสู่สามัญชนซึ่งในการปรับปรุงบ้านเมืองให้ทันสมัยครั้งนี้พระบาทสมเด็จ

               พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้วิธีการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งประนีประนอมทั้งประสานผลประโยชน์

               ระหว่างฝ่ายต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและเพื่อมิให้ชนชั้นปกครองต้องรู้สึกว่า

               เสียประโยชน์ การเผชิญหน้ากับจักรวรรดินิยมดังกล่าว นอกจากน ามาซึ่งการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการ

               เมืองและต่างประเทศจากเดิมในอดีตแล้ว ผลที่ตามมาอีกประการหนึ่งคือการเข้ามาของอารยธรรมตะวันตก

               ซึ่งท าให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน จนส่งผลกระทบครั้งส าคัญต่อวัฒนธรรมที่เคยปฏิบัติสืบ

               ต่อกันมาตั้งแต่อดีต



                                             พัฒนาการทางการเมืองการปกครอง


                        สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราโชบายที่จะแก้ไขการปกครองให้เข้ากับ

               แบบแผนตะวันตก ทั้งนี้เพื่อจะให้เมืองไทยปลอดภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยม แต่เนื่องจากหลักการปกครอง


               แบบชาวตะวันตกยังเป็นของใหม่ บางอย่างยังขัดกับหลักการปกครองแบบเก่าตามจารีตประเพณีเดิม เพราะ

               ขุนนางพวกอนุรักษ์นิยมในขณะนั้นเห็นว่ายังเจริญก้าวหน้าไม่จ าเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรอีก

               เพียงแต่รักษาราชประเพณีเดิมไว้ให้มั่นคงก็น่าจะเพียงพอ ดังนั้นตลอดรัชกาลที่ ๔ เมืองไทยจึงยังคงใช้การ

               ปกครองแบบเดิมอยู่แต่รัฐบาลจะมีการแก้ไขกฎระเบียบราชการบางอย่าง เช่น ให้ประชาชนมีสิทธิมากขึ้น มี

               การปรับปรุงประเพณีถวายฎีกาให้ทันสมัย มีประกาศให้เจ้านายข้าราชการท าการเลือกตั้งต าแหน่งพระ

               มหาราชครู ปุโรหิตจารย์ และพระมหาราชครูมหิธร แทนการโปรดเกล้าฯ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นพื้นฐานใน

               การปรับปรุงการปกครองให้ทันสมัยในเวลาต่อมา


                        หลังสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บรรดาเจ้านายและขุนนางอาวุโสได้ลงมติเลือก


               เจ้าจุฬาลงกรณ์ซึ่งขณะนั้นมีพระชนม์มายุ ๑๕ พรรษา ให้สืบราชบัลลังก์ต่อไปและที่ประชุมได้แต่งตั้ง

               เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหมขึ้นเป็นผู้ส าเร็จราชการแผ่นดิน ในการครองราชย์

               ช่วงแรกนี้พระองค์แทบจะไม่มีพระราชอ านาจเลยเพราะผู้ส าเร็จราชการแผ่นดินสามารถควบคุมการเมืองได้

               เกือบทั้งหมด นอกจากฐานะของพระมหากษัตริย์จะคลอนแคลนแล้วยังเกิดความตึงเครียดในต้นรัชกาลที่มา

               จากปัญหาการแต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยศยิ่งขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญตามความต้องการของ

               ผู้ส าเร็จราชการแผ่นดินซึ่งขัดกับราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้คัดเลือก ปัญหานี้ส่งผลให้เกิด

               ความตึงเครียดในหมู่เจ้านายและขุนนางจนแตกแยกออกเป็น ๒ ฝ่ายและกลายเป็นความขัดแย้งอย่างรุนแรง
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11