Page 8 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 8
๔
พัฒนาการคมนาคม เริ่มท าแผนที่ จัดตั้งกรมไปรษณีย์โทรเลข ในส่วนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวเองก็เสด็จออกประพาสหัวเมืองหลายครั้ง พร้อมกับส่งพระอนุชาไปประจ าตามหัวเมืองต่างๆ เช่น
โปรดเกล้าฯให้กรมหลวงพิชิตปรีชากรไปจัดการหัวเมืองประเทศราชทางเชียงใหม่ และโปรดฯ ให้สมเด็จ
เจ้าฟ้ าภาณุรังษีสว่างวงค์เสด็จประพาสภาคใต้ เป็นต้น ซึ่งการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองดังกล่าวมานี้
นับเป็นหัวใจของนโยบายการปกครองสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเนื่องจากไทยเริ่มเห็น
ความจ าเป็นที่จะต้องรักษาเสถียรภาพทางชายแดนให้พ้นจากภัยคุกคามของมหาอ านาจตะวันตก อย่างไรก็
ตามแม้รัฐบาลกลางจะมีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มิได้ด าเนินไปอย่างราบรื่นเพราะมี
ปัญหาเรื่องของงบประมาณและจ านวนข้าราชการที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานที่ส าคัญก็คือ การจัดการ
ปกครองส่วนท้องถิ่นในระบบเทศาภิบาล เป็นการยกเลิกระบบกินเมืองโดยเจ้าเมืองไม่สามารถมีทายาทสืบ
ต่อได้ ท าให้กระทบกระเทือนผู้ซึ่งมีผลประโยชน์จนเกิดปฏิกิริยาต่อต้านอ านาจรัฐบาลกลางจากผู้น าท้องถิ่น
ในภาคต่างๆของประเทศ เช่น เกิดกบฏผู้มีบุญในภาคอีสาน กบฏเงี้ยวที่เมืองแพร่ และพระยาแขกเจ็ดหัว
เมืองคิดกบฏในมณฑลปัตตานี้ แต่รัฐบาลกลางก็สามารถจัดการได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อย
เป็นค่อยไปยังคงด าเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพจนรัฐบาลกลางสามารถกระชับอ านาจการปกครองเข้าสู่
ส่วนกลางได้ทั้งหมดก่อเกิดเป็นรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์การ
ปกครองไทย
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงด าเนินนโยบายการปกครองตาม
หลักการเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เน้นการดึงอ านาจเข้าสู่ศูนย์กลางแต่ใน
ขณะเดียวกันก็มีการแบ่งปันอ านาจให้ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น แต่ในสมัยของรัชกาลที่ ๖ ได้มีกลุ่ม
ทหารหนุ่มเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งนับเป็นการปฏิวัติครั้งแรกของประวัติศาสตร์กรุง
รัตนโกสินทร์ บางคนเรียกคณะนี้ว่า กบฏ ร.ศ.๑๓๐ แต่แผนการล้มเหลวคณะผู้ก่อการถูกตัดสินลงโทษหนัก
แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ พระราชทานอภัยโทษให้ซึ่งการกบฏครั้งนี้ก็ท าให้
กระแสการเรียกร้องการปกครองแบบประชาธิปไตยเริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ นอกจากนี้ในสมัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีเหตุการณ์ส าคัญคือได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ ขึ้นในยุโรป เมื่อ
พ.ศ.๒๔๕๗ รัชกาลที่ ๖ ทรงตัดสินพระทัยประกาศสงครามกับเยอรมันนีและออสเตรีย – ฮังการี เมื่อวันที่
๒๒ กรกฎาคม ๒๔๖๐ มีการส่งมหารไปช่วยสงครามในยุโรปกับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อเสร็จสงคราม
สัมพันธมิตรเป็นฝ่ายชนะ ประเทศไทย ได้รับผลประโยชน์จากสงครามหลายอย่าง เช่น การยกเลิกสัญญา
ต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมกับเยอรมันนี ออสเตรีย – ฮังการี นอกจากนี้ก็ได้พยายามเจรจาขอแก้ไขสัญญาฉบับเก่า