Page 13 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 13

๙




               ภายหลังได้กลายมาเป็นศาล ๓ ชั้น ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและนับเป็นครั้งแรกที่อ านาจตุลาการเป็นอิสระจาก

               ฝ่ายบริหาร ต่อมาภายในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการปรับปรุงกิจการฝ่ายตุลาการ

               อีกครั้ง โดยโอนศาลฎีกาที่ขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม มีการแบ่งงานในกระทรวง

               ยุติธรรมออกเป็น ๒ ฝ่ายคือ ฝ่ายธุรการ กับ ตุลาการ และโอนกรมอัยการจากกระทรวงยุติธรรมไปขึ้นกับ

               กระทรวงมหาดไทย ส่วนการช าระกฎหมายนับเป็นการปรับปรุงสังคมอีกประการหนึ่ง รัฐบาลต้องช าระ

               กฎหมายให้เข้ากับหลักสากลเพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ ได้มีการร่างประมวลกฎหมายใหม่ขึ้น

               เป็นครั้งแรกด้วยแต่กว่าจะน าประมวลกฎหมายมาประกาศใช้อย่างครบถ้วนได้ก็ในปี พ.ศ.๒๔๗๘



                       ค.  การปฏิรูปการคลัง

                        เนื่องจากการเก็บภาษีมีข้อบกพร่องมาก เช่น รายได้ของหลวงรั่วไหล เจ้าภาษีค้างเงินค่าประมูล

               ดังนั้นรายได้ของหลวงจึงลดน้อยลงทุกทีไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย รัชกาลที่ ๕ จึงทรงปฏิรูปการคลังเสียใหม่

               โดยโปรดฯให้ตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์และตราพระราชบัญญัติหอรัษฎากรพิพัฒน์ขึ้นใน พ.ศ.๒๔๑๖ เพื่อ

               รวบรวมเงินที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ให้มารวมกันอยู่ที่แห่งเดียวและให้ตราพระราชบัญญัติเจ้าภาษี

               นายอากร จ.ศ.๑๒๓๕ (พ.ศ.๒๔๑๖) จัดระเบียบการประมูลและเก็บภาษีในให้เป็นระบบ ส่วนงานใหม่ที่

               ส าคัญคือ อธิบดีกรมพระคลังมหาสมบัติจะต้องท างบประมาณรายได้รายจ่ายของแผ่นดิน การปรับปรุง


               ระบบการท างานของพระคลังมหาสมบัติด าเนินการต่อมาจนกระทั่งปี พ.ศ.๒๔๔๓ จึงได้ยกกรมพระคลัง

               มหาสมบัติเป็ นกระทรวงพระคลังมหาสมบัติมีหน่วยงานควบคุมการเก็บภาษีอากร ๕ กรม คือ

               กรมสรรพากร กรมสรรพภาษี กรมส่วย กรมอากรที่ดินและกรมศุลกากร การปฏิรูปทางเศรษฐกิจในสมัย

               รัชกาลที่ ๕ เป็นการวางแนวทางให้กับระบบการคลังในสมัยต่อมาและนับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและการ

               คลังยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ปรากฏว่ามีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในรัชกาลใดอีกโดยเฉพาะใน

               สมัยรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่งานด้านอื่นๆ เช่น ให้ความส าคัญกับความมั่นคงในทาง

               การเมือง เป็นต้น นอกจากนี้ในช่วงรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ยังเป็นระยะที่รัฐบาลประสบกับปัญหาทาง

               เศรษฐกิจอย่างมากจึงมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาด้านนี้เป็นหลัก



                       ๒.  การปกครองท้องถิ่น

                        การเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มีความส าคัญเท่าๆ กับการปฏิรูปการบริหารส่วนกลางในรัชกาลที่

               ๕ ก็คือ การบริหารการปกครองท้องถิ่น การปฏิรูปเริ่มเมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ ทรงรับ

               ต าแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๕ หลักการปกครองมีอยู่ว่าอ านาจจะต้องเข้ามารวมอยู่
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18