Page 15 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 15
๑๑
ขึ้นใน ร.ศ.๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) กระทรวงมหาดไทยจัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอมขึ้นเป็นสุขาภิบาลในส่วน
ภูมิภาคแห่งแรก โดยเสนอให้สุขาภิบาลมีหน้าที่ ๓ ประการ คือ ซ่อมแซมรักษาถนน จุดโคมไฟให้แสงสว่าง
และให้จ้างลูกจ้างกวาดขยะมูลฝอย จากนั้นจึงออกพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาล ร.ศ.๑๒๗ เพื่อขยาย
สุขาภิบาลไปสู่หัวเมือง ซึ่งก็ได้มีการด าเนินงานอย่างต่อเนื่องเพราะหลังจากออกพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว
จนถึงสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ ปรากฏว่ามีการจัดตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมืองต่าง ถึง
๓๕ แห่ง (ชูวงศ์ ฉายะบุตร, ๒๕๓๙ : ๑๖๕-๑๖๖)
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปรับปรุงการบริหารส่วนภูมิภาคบาง
ประการ เช่น มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้โอนต าแหน่งสมุหเทศาภิบาลจากกระทรวงมหาดไทย
มาขึ้นตรงต่อองค์พระมหากษัตริย์ ให้รวมเขตการปกครองที่ใกล้เคียงกันเข้าเป็นภาค เช่น รวมมณฑลภาค
พายัพกับมหาราษฎรเป็นภาคพายัพ รวมมณฑลนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และปัตตานี เป็นภาคใต้ รวม
มณฑล อุดร ร้อยเอ็ด เป็นภาคอีสาน เป็นต้น แล้วทรงตั้งต าแหน่งอุปราชขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาแต่ละภาค ทรง
ก าหนดให้อุปราชเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีฐานันดรระหว่างเสนาบดีกับสมุหเทศาภิบาลท าหน้าที่ต่างพระ
เนตรพระกรรณโดยขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเท่ากับเป็นการถ่ายทอดอ านาจ
ของมหาดไทยคืนไปให้แก่พระมหากษัตริย์และนับเป็นการถอยหลังไปสู่ระบบเก่าก่อนการปฏิรูป อย่างไรก็
ตามเมื่อถึงปลายรัชกาลเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต ่าจึงได้ยกเลิกการปกครองรูปแบบเทศาภิบาลไป
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปรับปรุงการบริหารราชการส่วนภูมิภาค
เสียใหม่ โดยยกเลิกภาคต่างที่แบ่งไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๖ และให้โปรดรวมมณฑลพายัพเข้ากับมณฑลมหา
ราษฎร์ รวมมณฑลอุบลราชธานีเข้ากับร้อยเอ็ด รวมมณฑลนครสวรรค์เข้ากับอยุธยา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี
การยุบจังหวัดใกล้เคียงบางจังหวัดเข้าด้วยกัน จังหวัดเหล่านี้ เช่น สุโขทัย หล่มสัก ธัญญบุรี หลังสวน ตะกั่ว
ป่า สานบุรี เป็นต้น (สมบัติ ธ ารงธัญวงศ์, ๒๕๔๗ :๓๙๑-๓๙๒) ขณะเดียวกันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว ทรงมีแนวคิดที่จะสนับสนุนการปกครองที่มาจากประชาชน แต่ทรงเชื่อว่าการปกครองระบอบนี้
จะต้องท าอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยฝึกหัดประชาชนให้รู้จักใช้สิทธิในการออกเสียงควบคุมกิจการท้องถิ่น
เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะเข้ามาควบคุมกิจการของรัฐในรูปของรัฐสภา พระองค์จึงทรงริเริ่มและปรับปรุง
เกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นในรูปเทศาภิบาล (Municipality) เพื่อให้เป็นพื้นฐานการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตย โดยใน พ.ศ.๒๔๗๓ กระทรวงมหาดไทยได้ทูลเกล้าถวายแผนการโครงการพร้อมด้วยร่าง
กฎหมายที่ท าส าเร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อทรงพิจารณา พระองค์ทรงน าเข้าที่ประชุมเสนาบดี แต่ที่ประชุมไม่เห็น