Page 14 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 14

๑๐




               ที่จุดเดียวกันหมดรัฐบาลกลางจะไม่ให้การบังคับบัญชาหัวเมืองขึ้นจะอยู่กับกระทรวงเพียง ๓ กระทรวงคือ

               กรมมหาดไทย กรมกลาโหมและกรมท่า และจะไม่ยอมให้เจ้าเมืองต่างๆ มีอ านาจอย่างที่เคยมีมาในอดีต

               ระบบการปกครองแบบใหม่นี้เรียกว่า “แบบเทศาภิบาล” โดยหลักการต่างๆ ของการปกครองแบบ

               เทศาภิบาลมีระบุไว้ในประกาศจัดปันหน้าที่ระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ร.ศ.๑๑๓

               ซึ่งรวมหัวเมืองทั้งหมดไว้ใต้การบังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย ในพระราชบัญญัติลักษณะการ

               ปกครองท้องที่ ร.ศ.๑๑๖ และในข้อบังคับลักษณะการปกครองหัวเมือง ร.ศ.๑๑๗ ด้วยกฎหมายดังกล่าว

               ประเทศไทยเริ่มจัดส่วนราชการบริหารตามแบบใหม่ มีอ านาจหน้าที่และความรับผิดชอบตามล าดับของสาย

               บังคับบัญชาจากชั้นต ่าสุดไปจนถึงชั้นสูงสุดดังนี้คือ รวมบ้านหลายบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันจัดเป็นกลุ่ม


               หนึ่งเรียกรวมกันว่าหมู่บ้าน ให้เป็นเขตการปกครองมีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ปกครองคนหนึ่ง รวมหมู่บ้านที่อยู่ใน

               ระยะใกล้เคียงหลายๆ หมู่ตั้งขึ้นเป็นต าบลหนึ่ง มีก านันเป็นหัวหน้า รวมต าบลหลายๆ ต าบลเข้าเป็นเขตการ

               ปกครองอีกชั้นหนึ่งเรียกว่าอ าเภอ รวมอ าเภอหลายๆ อ าเภอเข้าเป็นเมืองหนึ่งและรวมหลายๆเมืองนับแต่ ๓

               เมืองขึ้นไปรวมกันเป็นมณฑลเทศาภิบาลโดยมีเจ้าเมืองและเทศาภิบาลเป็นผู้บังคับบัญชาตามล าดับ ส าหรับ

               ต าแหน่งก านันและผู้ใหญ่บ้านนั้นก าหนดให้ราษฎรเลือกตั้งกันขึ้นมาเองตามความนิยม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่

               ได้โอกาสแก่ราษฎรเลือกตั้งกันขึ้นมาเองตามนิยม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ได้ให้โอกาสแก่ราษฎรได้มีส่วนมี

               เสียงในการเลือกตั้งบุคคลที่จะท าหน้าที่หัวหน้าการบริหารและตัวแทนของท้องถิ่นของตน



                        การวางสายการปกครองเป็นล าดับชั้นเช่นนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมเก่าในหัวเมืองไป

               เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง พลเมืองซึ่งยังไม่เคยมีสิทธิมีเสียงเคยเป็นเพียงบ่าวไพร่ บัดนี้ได้มีโอกาสเลือก

               ผู้ใหญ่บ้าน ก านันขึ้นเป็นหัวหน้าซึ่งเท่ากับได้มีโอกาสสนองความต้องการของตนเองให้นายอ าเภอและเจ้า

               เมืองได้ทราบ เจ้าเมืองและกรรมการการเมืองหรือพวกพ้องซึ่งเคยท าอะไรตามใจชอบก็กระท าไม่ได้เสียแล้ว

               เพราะมีข้าหลวงเทศาภิบาลมาคอยดูแลเป็นหูเป็นตาแทนรัฐบาลการกินเมืองจากภาษีเกือบทุกอย่างกลับ

               กลายเป็นเพียงกินเงินเดือนพระราชทานในฐานะข้าราชการเพราะรัฐบาลเริ่มเก็บภาษีเอง และเมื่อนายอ าเภอ

               เจ้าเมืองกรมการเมืองมีฐานะเป็นข้าราชการก็ต้องถูกย้ายไปตามที่ต่างๆตามค าสั่งรัฐบาล ไม่ผูกพันเป็นเจ้า

               เมืองตามระบบเดิม ซึ่งการปกครองระบบใหม่นี้ก็ได้ท าให้พลเมืองเริ่มมีความผูกพันกับรัฐบาลและเริ่มมี


               ความรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของรัฐประชาชาติ ส าหรับการปกครองท้องถิ่นพระบาทสมเด็จพระ

               จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชก าหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ.๑๑๖ (พ.ศ.

               ๒๔๔๐) จัดการปกครองรูปแบบสุขาภิบาลขึ้นที่กรงเทพฯ ให้อยู่ในบังคับบัญชาขอเสนาบดีกระทรวงนคร

               บาลตามแบบอย่างที่ทรงเห็นมาจากการประพาสต่างประเทศ ส่วนการจัดตั้งสุขาภิบาลนอกเขตพระนครเริ่ม
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19