Page 12 - งานนำเสนอ44
P. 12
8
3.แหนบบิดหรือทอร์ชันบำร์ (Torsion Bar)
บางครั้งอาจเรียกว่าสปริงแบบเหล็กบิดจะรับแรงสั่นสะเทือนโดยการบิดตัวของเพลา
แหนบบิดหรือ แหนบทอร์ชันบาร์ท าด้วยเหล็กกล้า สปริงรถยนต์บางแบบได้น าเอาทอร์
ชันบาร์มาใช้แทนแหนบหรือสปริงขด ในการท างานของทอร์ชันบาร์จะอาศัยการบิดตัว
และการคืนตัวกลับเมื่อล้อรถเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงจะท าให้ทอร์ชันบาร์บิดตัวไปจาก
ต าแหน่งเดิมการติดตั้งทอร์ชันบาร์ส่วนมากจะใช้กับล้อหน้าจะมีบางบริษัทที่ใช้ทอร์ชัน
บาร์ทั้งล้อหน้าหรือล้อหลัง เช่น รถโฟล์คสวาเกนโดยมีทอร์ชันบาร์ข้างละท่อนติดตั้ง
ตามยาวของโครงรถ และที่ปลายด้านหน้าจะยึดติดกับปีกนกล่างที่จุดหนุนด้านในส่วน
ปลายด้านหลังจะยึดกับหลักที่ปรับแต่งได้ รองรับ(Brackets)เชื่อมติดกับด้านหลังโครงรถ
รองรับอีกที่หนึ่งการปรับความตึงของทอร์ชันบาร์จะใช้สลัก ปรับแต่งทางปลายด้านหลัง
ทอร์ชันบาร์มีทั้งลักษณะแบนและกลม โดยปลายทั้งสองด้านจะเซาะร่องไว้ และสามารถ
ติดตั้งตามยาวหรือตามขวางกับตัวรถได้
4.สปริงลม (Air Spring)
เป็นสปริงที่ใช้การอัดตัวของลม(CompressionofAir)ในถุงลม(AirBags)ซึ่งจะติดตั้งแทนที่
แหนบหรือสปริงทั้ง 4ล้อสปริงลมถูกน ามาใช้เป็นระบบรองรับในรถยนต์เนื่องจากสปริง
ลมเป็นสปริงที่ท างานอย่างต่อเนื่องเมื่อล้มปะทะสิ่งกีดขวางหรือหลุมบ่อบนถนนอากาศ
จะถูกอัดตัวและลดการสะเทือนจึงท าให้เกิดความนิ่มนวลระบบรองรับค่าคงที่ของสปริง
จะเพิ่มขึ้นตามน้ าหนักบรรทุกไม่ว่าน้ าหนักจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใดก็ตาม เป็น
ผลท าให้การขับขี่เป็นไปด้วยความนิ่มนวลและยังรักษาระดับความสูงของรถให้คงที่ด้วย
เหตุนี้สปริงลมจึงจะเป็นต้องมีเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมท าหน้าที่ป้อนอากาศเข้าระบบ
ซึ่งมีความยุ่งยากมักใช้กับรถบรรทุก และรถโดยสารในปัจจุบันได้มีการน าใช้กับรถยนต์นั่ง
บางแบบการเอาระบบรองรับด้วยอากาศและควบคุมด้วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เพื่อเพิ่ม
ความนิ่มนวลในการขับขี่และการทรงตัวที่ดีในทุกสภาวะของการขับขี่