Page 36 - การโฆษณาเเละส่งเสริมการขาย
P. 36
26
2. จะโฆษณาถึงใคร
ก่อนจะโฆษณาต้องค านึงถึงกลุ่มเป้าหมาย(Target Group)คือใคร มีเพศ วัย ฐานะ ฯลฯ
อย่างไร แล้วโฆษณาเพื่อให้ได้โฆษณาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด โดยเขียนโฆษณาให้
สอดคล้องกับลักษณะทางจิตวิทยาทางประชากรศาสตร์และภูมิศาสตร์ เช่น ทัศนคติ ความเชื่อ
บุคลิกภาพ ของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมากที่สุด
3. สินค้าที่โฆษณานั้นมีช่องทางการจ าหน่ายอย่างไร
การโฆษณาจะต้องทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่โฆษณามีช่องทางการจ าหน่ายอย่างไร จึงจะ
จ าหน่ายจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
ช่องทางการจ าหน่ายที่ส าคัญ มีดังนี้
3.1 การขายปลีกโดยผ่านร้านขายปลีก (Retail Store)
เป็นการขายโดยตรงให้ผู้บริโภคคนสุดท้าย โดยผ่านร้านค้าปลีก เช่น ร้านขายของช า การ
ขายผ่าน Supermarket ฯลฯ ซึ่งจะพบเห็นมากในชีวิตประจ าวัน
3.2 การขายปลีกโดยทางไปรษณีย์ (Mail-Order Selling)
เป็นการขายที่ผู้ผลิตจะส่งจดหมายพร้อมแค็ตตาล็อกไปให้คาดหวัง หรือลูกค้าในอนาคต
(Prospect)ถ้าผู้คาดหวังสนใจก็จะส่งซื้อมาให้ผู้ผลิต ท าให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง
ร้านค้า
ในประเทศไทยการขายทางไปรษณีย์เหมาะส าหรับการสั่งซื้อหนังสือ นิตยสาร วารสาร
เครื่องส าอาง ฯลฯ ยังไม่มีกิจการเหมือนในต่างประเทศ เพราะการไปรษณีย์ของไทยยังไม่
สามารถให้บริการเเก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง และผู้ซื้อขาดความเชื่อมั่นต่อผู้ขายปลีก จึงเลี่ยง
การสั่งซื้อในช่องทางนี้
3.3 การขายปลีกโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ (Automatic Vending Machine)
เป็นการขายเเบบหยอดเหรียญ สินค้าที่เหมาะกับการขายวิธีนี้ ได้เเก่ เครื่องดื่ม ไอศกรีม
หมากฝรั่ง ขนม เป็นต้น การขายวิธีนี้ไม่ต้องใช้พนักงานขาย แต่จะตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติตาม
ตามที่ชุมชนต่างไป เช่น ตามโรงเรียน โรงภาพยนตร์ โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า
ในประเทศไทยการขายวิธีนี้ยังไม่นิยมแพร่หลายนัก ส่วนใหญ่จะขายสินค้าประเภท
น้ าอัดลม นม ไอศกรีม ตามศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์เท่านั้น