Page 5 - เอกสารการเรียนบทที่-2
P. 5
ความเป็นพลเมือง
1. อ านาจสูงสุดในการปกครองอยู่ที่ประชาชน (popular sovereignty)ไม่ได้หมายความ
ว่าประชาชนทุกคนจะต้องตัดสินปัญหาในทุก ๆ เรื่อง แต่อาจมี การมอบอ านาจให้กับตัวแทนหรือ
เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความรู้ความสามารถ ส่วนประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ จึงสามารถเลือกผู้แทนให้
ท าหน้าที่แทนตนได้ ไม่ใช่ให้ผู้ใดตั้งผู้แทนขึ้นแทนตนแล้วยกย่องว่าเป็นผู้แทนราษฎร ใน
ขณะเดียวกัน ในฐานะที่เป็นเจ้าของอ านาจสูงสุด รัฐบาลต้องค านึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่ง
ถ้าไม่ใช่ประชาชนทั้งหมดอย่างน้อยก็เป็นประชาชนหมู่มาก (majority interest)
2. ในฐานะที่ประชาชนเป็นเจ้าของอ านาจอธิปไตย ประชาชนจึงมีสิทธิตั้งรัฐบาลและ
ล้มเลิกรัฐบาล ในอดีตเมื่อระบอบประชาธิปไตยยังไม่เป็นปึกแผ่น การล้มเลิกรัฐบาลมักออกไปในรูป
ของการคัดค้านและใช้ก าลังบังคับ ต่อมาเมื่อระบอบประชาธิปไตยเป็นปึกแผ่นขึ้น มีการยอมรับ
ระบอบประชาธิปไตยโดยผู้แทน การแต่งตั้งรัฐบาลก็อาจท าได้โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดี
โดยตรงบ้าง เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบ้าง เลือกตั้งศาลบ้าง ก าหนดให้สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีบ้าง ก าหนดให้คณะรัฐมนตรีขอรับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร
บ้าง และเมื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็อาจเลิกล้มรัฐบาลนั้นได้ โดยการยกเลิกสถานภาพ (recall) บ้าง
โดยการก าหนดให้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากต าแหน่งเมื่อครบวาระบ้าง ก าหนดให้
ฝ่ายบริหารยุบสภาผู้แทนราษฎรได้บ้าง มาตรการเหล่านี้ท าให้รัฐบาลหรือผู้ปกครองตั้งอยู่ภายใต้
การควบคุมของผู้ถูกปกครอง (governed) ซึ่งในระบอบเผด็จการจะไม่มีลักษณะเช่นว่านี้
3. ประชาชนได้รับหลักประกันสิทธิเสรีภาพว่ารัฐจะไม่ล่วงล ้าสิทธิเสรีภาพ หรือ
กระท าการใดให้เป็นการรบกวนสิทธิเสรีภาพ โดยนัยนี้ การปกครองแบบประชาธิปไตยจึงเป็นการ
ปกครองโดยกฎหมายไม่ใช่โดยบุคคล (Government of law and not of men)
4. ระบอบประชาธิปไตยจะต้องเน้นความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกรูปทุกนาม โดย
ให้ความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน (equal protection under law)โดยไม่มีการเลือก
ปฏิบัติ (discrimination)การให้สิทธิทางการเมืองจะต้องไม่จ ากัดฐานะเพศ ศาสนา
5. ระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองโดยเสียงข้างมากที่รับฟังเสียงข้างน้อยโดย
จะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายข้างน้อย เช่น รับฟังคามเห็นของพรรคฝ่ายค้าน การไม่จ ากัดให้มี
พรรคการเมืองพรรคเดียว การไม่สนับสนุนกลุ่มผลประโยชน์ใดเพียงกลุ่มเดียว การเปิดโอกาสให้
สื่อมวลชนแสดงความคิดเห็นได้โดยอิสระ
เราอาจแบ่งประเภทของประชาธิปไตยโดยพิจารณาจากการมีบทบาทของ
ประชาชนในการก าหนดเจตจ านงค์ของรัฐได้ 2 ประเภทด้วยกัน คือ (สิทธิพันธ์ พุทธหุน, 2551:
32)
25