Page 46 - ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
P. 46
“การศึกษาเพิ่มเติมจะละเวนเสียมิได เพราะกฎหมายยอมออกใหมเสมอ และมี
คดีพิพาทอยูทุกวัน ตองพยายามขวนขวายศึกษา และพิจารณาหาเหตุผลเปนเครื่องเจริญความรู
เมื่อถึงคราวที่จะใช จะไดหยิบยกขึ้นใชไดทันใจ อยาคิดเสียวาเทาที่รูไปแลวจะพอ นอกจากกฎหมาย
สารบัญญัติทั้งปวงใหสนใจศึกษากฎหมายแผนกกระบวนพิจารณาใหช่ําชองเปนพิเศษ เพราะกฎหมาย
แผนกนี้เปนเครื่องมืออันตองใชประจําอยูเปนนิตย ผูพิพากษาที่ไมรูวิธีพิจารณาความแตกฉานนั้น
เปรียบประดุจคนตาฟางตามืดดังที่กลาวไวในคัมภีรพระธรรมศาสตร ยอมยากที่จะพิจารณาพิพากษา
คดีใหถูกตองและยุติธรรมได”
บทบัญญัติ
ขอ ๓๗ ผูพิพากษาจักตองไมกาวกายแทรกแซงหรือแสวงหาประโยชนโดยมิชอบ
จากการปฏิบัติหนาที่ของผูพิพากษาอื่นหรือกระทําการใด ๆ อันเปนการกระทบกระเทือนตอการ
ปฏิบัติหนาที่ของผูพิพากษาอื่นในการพิจารณาพิพากษาคดี
คําอธิบาย
(๑) จักตองไมกาวกาย :
การที่ผูพิพากษาซึ่งเปนผูบังคับบัญชาแนะนําหรือตักเตือนผูพิพากษาผูอยูใตบังคับ
บัญชา ซึ่งปฏิบัติงานดานพิจารณาพิพากษาอรรถคดีผิดพลาดหรือในทางที่ไมสมควร มิใชเปนเรื่อง
กาวกายหรือกาวลวงเขาไปเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของผูพิพากษาผูอยูใตบังคับบัญชาซึ่งเปน
เจาของสํานวนคดีเรื่องนั้น
การกาวกายนี้อาจจะมีไดหลายทางดวยกัน เชน การที่ผูพิพากษาซึ่งเปนผูบังคับบัญชา
โดยตรง หรือผูพิพากษาอาวุโสขอใหผูอยูใตบังคับบัญชาหรือผูนอยตัดสินคดี ตามที่ตนประสงค
ไมวาจะรองขอโดยตรงหรือโดยปริยาย
(๒) เพื่อเปนการปองกันมิใหผูพิพากษาซึ่งมีคดีความในศาลเขาไปกาวกายในคดีนั้น
สํานักงานศาลยุติธรรมจึงไดมีหนังสือที่ ศย ๐๐๓/ว ๑๙๔ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ถึงหัวหนาหนวยงานในสังกัดสํานักงานศาลยุติธรรม มีใจความสําคัญวา เมื่อขาราชการตุลาการ
เปนโจทก หรือผูเสียหายหรือจําเลยในคดีอาญา คดีแพง หรือคดีปกครอง ใหขาราชการตุลาการนั้น
รายงานไปใหสํานักงานศาลยุติธรรมทราบอยางชาภายในกําหนด ๑๕ วัน นับแตวันฟองหรือทราบวา
ถูกฟอง และถาเปนความในศาลเดียวกับที่ขาราชการตุลาการนั้นรับราชการอยู ก็ใหผูมีหนาที่รับผิดชอบ
ในงานของศาลยุติธรรมนั้นรายงานไปใหสํานักงานศาลยุติธรรมทราบ และหากศาลนั้นอยูในเขตอํานาจ
ของอธิบดีผูพิพากษาภาคใด ก็ใหรายงานใหอธิบดีผูพิพากษาภาคนั้นทราบอีกทางหนึ่งดวย
ภายในกําหนด ๑๕ วัน โดยใหผูมีหนาที่รับผิดชอบในงานของศาลยุติธรรมพิจารณาสอดสอง
ใหกระบวนพิจารณาเปนไปโดยเที่ยงธรรมเปนพิเศษ หามมิใหขาราชการตุลาการที่เปนโจทก
ผูเสียหาย หรือจําเลยและองคคณะของผูพิพากษานั้น เขาไปเกี่ยวของกับคดีหรือกระทําการใด
อันอาจทําใหเสียเกียรติศักดิ์แหงตําแหนงหนาที่ราชการ และเมื่อเสร็จสิ้นในชั้นศาลใดใหขาราชการ