Page 10 - 06_การปองกนและปราบปรามการทจรต_Neat
P. 10

๓




                             …พอเพียงมีความหมายกวางขวางยิ่งกวานี้อีก คือคําวาพอ ก็พอเพียงนี้ก็พอแคนั้นเอง
                 คนเราถาพอในความตองการก็มีความโลภนอย เมื่อมีความโลภนอยก็เบียดเบียนคนอื่นนอย

                 ถาประเทศใดมีความคิดอันนี้ มีความคิดวาทําอะไรตองพอเพียง หมายความวาพอประมาณ
                 ซื่อตรง ไมโลภอยางมาก คนเราก็อยูเปนสุข พอเพียงนี้อาจจะมี มีมากอาจจะมีของหรูหราก็ได

                 แตวาตองไมไปเบียดเบียนคนอื่น…”
                             “…ก็ชัดแลววาควรจะปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียงไมตองทั้งหมด เพียงครึ่งหนึ่งก็ใชได แมจะ

                 เปนเศษหนึ่งสวนสี่ก็พอ หมายความวาวิธีปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ไมตองทําทั้งหมด และขอเติมวา
                 จะทําทั้งหมดก็จะทําไมได ถาครอบครัวหนึ่ง หรือแมหมูบานหนึ่งทําเศรษฐกิจพอเพียงรอยเปอรเซ็นต

                 ก็จะเปนการถอยหลังถึงสมัยหินสมัยคนอยูในอุโมงคหรือในถํ้า ซึ่งไมตองอาศัยหมูอื่น เพราะวาหมูอื่น
                 ก็เปนศัตรูทั้งนั้น ตีกัน ไมใชรวมมือกันจึงตองทําเศรษฐกิจพอเพียง แตละคนตองหาที่อยู ก็หาอุโมงค

                 หาถํ้า ตองหาอาหาร คือไปเด็ดผลไมหรือใบไมตามที่มี หรือไปใชอาวุธที่ไดสรางไดประดิษฐเอง
                 ไปลาสัตว กลุมที่อยูในอุโมงคในถํ้านั้น ก็มีเศรษฐกิจพอเพียงรอยเปอรเซ็นต ก็ปฏิบัติได…”
                             “…คนเราถาพอในความตองการ ก็มีความโลภนอย เมื่อมีความโลภนอย ก็เบียดเบียน

                 คนอื่นนอย ถาทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไมใชเศรษฐกิจ มีความคิดวา ทําอะไรตองพอเพียง หมายความวา
                 พอประมาณ ไมสุดโตง ไมโลภมาก คนเราก็อยูเปนสุข พอเพียงนี้อาจจะมีมาก ตองใหพอประมาณ

                 ตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง ทําอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง…”
                             นอกจากพระราชดํารัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงในป ๒๕๔๑  แลว ก็ยังมีพระราชดํารัส

                 เกี่ยวกับ “ความฟุงเฟอ” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงพระราชทานไวในป พ.ศ.๒๕๒๗
                 พระราชทานแกคณะลูกเสือชาวบาน ในโอกาสเสด็จกลับจากการแปรพระราชฐานจังหวัดสกลนคร

                 ความตอนหนึ่งวา
                             “…คนเราที่ฟุงเฟอ ไมมีทางที่จะหาทรัพยมาปอนความฟุงเฟอได ความฟุงเฟอนี้เปนปาก

                 หรือสัตวที่หิวไมหยุด ความฟุงเฟอนี้อาปากตลอดเวลา จะปอนไปเทาไรๆ ก็ไมพอ เมื่อปอนเทาไรๆ
                 ก็ไมพอแลว ก็หาเทาไรๆ ก็ไมพอ ความไมพอนี้ไมสามารถที่จะหาอะไรมาปอนความฟุงเฟอนี้ได ฉะนั้น

                 ถาจะตอตานความเดือดรอน ไมใชวาจะตองประหยัดมัธยัสถ จะตองปองกันความฟุงเฟอและปองกัน
                 วิธีการที่มักจะใชเพื่อที่จะมาปอนความฟุงเฟอนี้คือ ความสุจริต ฉะนั้นการที่จะรณรงคที่จะตอสูเพื่อให

                 คนมัธยัสถและประหยัดนั้นก็อยูที่ตัวเอง ไมใชอยูที่คนอื่น เมื่ออยูที่ตนเองไมอยูที่คนอื่น การรณรงค
                 โดยมากมักออกไปขางนอก จะไปชักชวนคนโนนชักชวนคนอื่นนี้ใหทําโนนทํานี่ ที่จริงตองทําเอง

                 ถาจะใชคําวารณรงคก็ตองรณรงคกับตัวเอง ตองฝกตัวใหรูจักความพอดี พอเหมาะ ถาไมพอดี
                 ไมพอเหมาะมันจะเกิดทุจริตในใจได…”
                             “เศรษฐกิจพอเพียง” เปนแนวพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ที่พระราชทาน

                 มานานกวา ๔๐ ป ซึ่งเปนแนวคิดที่ตั้งอยูบนรากฐานของวัฒนธรรมไทย เปนแนวทางการพัฒนา

                 ขั้นพื้นฐานที่ตั้งอยูบนทางสายกลาง และความไมประมาทซึ่งคํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15