Page 58 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 58

๔๕




                 แกศาล เมื่อผูกระทําความผิด ผูแทนโดยชอบธรรมของผูนั้น ผูอนุบาลของผูนั้น หรือพนักงานอัยการ
                 รองขอใหศาลกําหนดโทษเสียใหมตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ในการที่ศาลจะกําหนดโทษใหมนี้

                 ถาปรากฏวาผูกระทําความผิดไดรับโทษมาบางแลว เมื่อไดคํานึงถึงโทษตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
                 หากเห็นเปนการสมควรศาลจะกําหนดโทษนอยกวาโทษขั้นตํ่าที่กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกําหนดไว

                 ถาหากมีก็ไดหรือถาเห็นวาโทษที่ผูกระทําความผิดไดรับมาแลวเปนการเพียงพอ ศาลจะปลอยผูกระทํา
                 ความผิดไปก็ได

                                 (๒)  ถาศาลพิพากษาใหประหารชีวิตผูกระทําความผิด และตามกฎหมายที่บัญญัติ
                 ในภายหลัง โทษที่จะลงแกผูกระทําความผิด ไมถึงประหารชีวิต ใหงดการประหารชีวิตผูกระทํา

                 ความผิดและใหถือวาโทษประหารชีวิตตามคําพิพากษาไดเปลี่ยนเปนโทษสูงสุดที่จะพึงลงไดตามกฎหมาย
                 ที่บัญญัติในภายหลัง”

                                 บทบัญญัติในมาตรา ๒ วรรคสอง และมาตรา ๓ แยกพิจารณาไดดังนี้
                                 ๑.  กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังยกเลิกความผิดตามกฎหมายที่ใชในขณะกระทํา
                 ความผิด (มาตรา ๒ วรรคสอง)

                                 ๒.  กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังมิไดยกเลิกความผิดตามกฎหมายที่ใชในขณะ
                 กระทําความผิด แตมีความแตกตางกัน (มาตรา ๓)



                            ๑.  กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังยกเลิกความผิดตามกฎหมายที่ใชในขณะกระทําความผิด


                 มาตรา ๒ วรรคสอง
                            ฎีกาที่ ๑๐๙/๒๕๑๔  พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.๒๕๐๙ มาตร ๒๖ และ ๕๑ ลงโทษ
                 ผูนําใบยาแหงพันธุตางประเทศตั้งแตหนึ่งกิโลกรัมขึ้นไปออกนอกเขตจังหวัดโดยไมไดรับอนุญาต

                 โจทกฟองขอใหลงโทษจําเลยตามบทบัญญัตินี้ตอมาระหวางพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติยาสูบ
                 (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๑๒ ออกใชบังคับ โดยมาตรา ๑๓ และ ๑๙ บัญญัติใหยกเลิกมาตรา ๒๖ และ ๕๑

                 ดังกลาว เมื่อเปนเชนนี้ การกระทําของจําเลยตามฟองยอมไมเปนความผิดตอไป ตองยกฟองโจทก
                            ฎีกาที่ ๒๗๖๓/๒๕๔๑ รังนกอีแอนในถํ้าเปนทรัพยไมมีเจาของ แตบุคคลอาจไดมา

                 ซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเขายึดถือเอา การที่บริษัทผูเสียหายไดรับอนุญาตใหเก็บรังนกอีแอน อันเปนการ
                 ผูกขาดจากรัฐบาล ผูเสียหายมีสิทธิเพียงวาถาประสงคจะเก็บรังนกอีแอนในถํ้าที่ผูกขาดยอมมีสิทธิ

                 ที่จะเขาเก็บเอาไดไมถูกหวงหามเสมือนบุคคลผูไมไดรับอนุญาต แตจะมีกรรมสิทธิ์ไดในรังนกอีแอน
                 ยังจะตองมีการเขายึดเอาอีกชั้นหนึ่งกอนเมื่อผูเสียหายยังมิไดเขาถือเอารังนกอีแอน ตามมาตรา ๑๓๑๘

                 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยผูเสียหายจึงมิไดเปนเจาของในรังนกรายพิพาทการเก็บรังนก
                 อีแอนดังกลาวของจําเลยทั้งสามกับพวกจึงไมมีความผิดฐานรวมกันลักทรัพยของผูเสียหาย ขณะเกิดเหตุ

                 การกระทําของจําเลยทั้งสามกับพวกเปนความผิดฐานเขาหรือขึ้นไปบนเกาะที่นกอีแอนทํารังอยูตาม
                 ธรรมชาติ แตระหวางการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณภาค ๓ ไดมีพระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอน
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63