Page 60 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 60
๔๗
๒.๒ กรณีคดีถึงที่สุดแลว และผูกระทํารับโทษครบถวนจนกระทั่งพนโทษแลว
กรณีเชนนี้ก็ไมอาจนํากฎหมายในสวนที่เปนคุณไปใชแกผูกระทําผิดได เพราะ
รับโทษครบถวนจนกระทั่งพนโทษแลว
๒.๓ กรณีคดีถึงที่สุดแลว และผูกระทํายังไมไดรับโทษหรือกําลังรับโทษอยู
มาตรา ๓ อนุมาตรา ๑ และ ๒ แยกโทษออกเปน ๒ ประเภท คือ
(๑) โทษตามคําพิพากษาไมใชโทษประหารชีวิต
(๒) โทษตามคําพิพากษาเปนโทษประหารชีวิต
๑. โทษตามคําพิพากษาไมใชโทษประหารชีวิต ซึ่งแยกพิจารณาไดเปน ๒ กรณี คือ กรณี
ผูกระทําความผิดยังไมไดรับโทษและกรณีผูกระทําความผิดกําลังรับโทษอยู
ก. ผูกระทําความผิดยังไมไดรับโทษ ถาปรากฏวาโทษที่กําหนดตามคําพิพากษา
หนักกวาโทษที่กําหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ศาลตองกําหนดโทษเสียใหมตามกฎหมาย
ที่บัญญัติในภายหลัง
ข. ผูกระทําความผิดกําลังรับโทษอยู ถาโทษที่กําหนดตามคําพิพากษาหนักกวาโทษ
ที่กําหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ศาลก็ตองกําหนดโทษเสียใหมตามกฎหมายที่บัญญัติ
ในภายหลัง
ฎีกาที่ ๗๗๗๙/๒๕๔๙ คดีถึงที่สุดตามคําพิพากษาศาลฎีกาแตจําเลยที่ ๑ กําลัง
รับโทษตามคําพิพากษาดังกลาวอยู เมื่อจําเลยที่ ๑ ยื่นคํารองอางวา มี พ.ร.บ.ยาเสพติดใหโทษ
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๔๕ ยกเลิกความในมาตรา ๑๕ และมาตรา ๖๖ แหง พ.ร.บ.ยาเสพติดใหโทษ
พ.ศ.๒๕๒๒ และใหใชความใหมแทน อันเปนกฎหมายที่เปนคุณแกจําเลยที่ ๑ ดังนี้ จําเลยที่ ๑ ยอมมี
สิทธิที่จะรองขอตอศาลใหศาลชั้นตนกําหนดโทษเสียใหมใหแกจําเลยที่ ๑ ได ตาม ป.อ.มาตรา ๓ (๑)
ที่ศาลชั้นตนมีคําสั่งวา คดีถึงที่สุดตามคําพิพากษาศาลฎีกาแลว จึงไมอาจแกไขโทษตามคําพิพากษา
ไดนั้นเปนการไมถูกตอง เพราะอํานาจในการมีคําสั่งตามคํารองของจําเลยที่ ๑ ในกรณีเชนนี้เปนอํานาจ
ของศาลชั้นตน
เมื่อจําเลยที่ ๑ อุทธรณคําสั่งศาลชั้นตน ศาลชั้นตนมีคําสั่งไมรับอุทธรณ จําเลยที่ ๑
ยื่นคํารองอุทธรณคําสั่งศาลชั้นตนที่ไมรับอุทธรณ ศาลชั้นตนชอบที่จะสงสํานวนดังกลาวไปยังศาลอุทธรณ
เพื่อพิจารณาตามลําดับชั้นศาล แตศาลชั้นตนกลับสงสํานวนมายังศาลฎีกาอันเปนการไมชอบดวย
ป.วิ.อ.มาตรา ๑๙๘ ทวิ แตเมื่อคดีไดขึ้นมาสูการพิจารณาของศาลฎีกาแลว ศาลฎีกายอมมีอํานาจ
สั่งยกคําสั่งของศาลชั้นตนไดโดยไมตองยอนสํานวนไปใหศาลอุทธรณมีคําสั่งใหม
ในการกําหนดโทษใหมนี้ หากเห็นเปนการสมควร
ก. ศาลจะกําหนดโทษนอยกวาโทษขั้นตํ่าที่กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกําหนดไว
ถาหากมีก็ได