Page 10 - Top Executive Sharing
P. 10

8



                  พอมีการแยกศาลกับกระทรวงยุติธรรม ก็ตัดสินใจเลือกทํางานกับกระทรวงยุติธรรมเลย เพราะข้อมูลทั้งหมดอยู่
                  ที่ตัวผม ตัดสินใจเด็ดขาดเลยโดยที่ไม่เหยียบเรือสองแคม โดยมีท่านชูจิรา  กองแก้ว ก็เลือกที่กระทรวงยุติธรรม
                  ท่าน ดร.กิตติพงษ์  กิตยารักษ์,  พล.ต.ท.ดร.วิเชียรโชติ  สุกโชติรัตน์ นักอาชญาวิทยา, อาจารย์ธงทอง  จันทรางศุ

                  และคุณหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ก็ยังไม่โอนมาที่กระทรวงยุติธรรม
                         หนึ่งปีเต็มๆ ระหว่างปี 2543  -  2544 เป็นปีแห่งการต่อสู้ในการปฏิรูปอย่างแรงมาก ภายหลัง
                  จึงมีบุคคลเหล่านี้เข้ามาช่วย ก็แบ่งงานในแต่ละด้านกัน ส่วนผมก็เป็นคนที่ดูตรงกลาง ในส่วนกฎหมายผมก็ส่ง
                  ทีมไปดูเป็นรายกรม ร่างกฎหมายและการจัดทําโครงสร้างกระทรวงยุติธรรมอยู่ในความรับผิดชอบของผม

                  อีกทั้ง การต่อสู้ในรัฐสภาโดยเฉพาะทีมงานของตํารวจที่มีไม่ความพอใจ ในเรื่องการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ
                  ซึ่งเราไปชี้แจงที่รัฐสภาแทนรองปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ติดภารกิจและไม่สามารถไปชี้แจงได้ ในการประชุม
                  คณะกรรมการพิจารณาได้สอบถามว่าผู้แทนของกระทรวงยุติธรรมใครมาชี้แจง ผมก็ชี้แจงว่าผมดํารงตําแหน่ง

                  เป็นผู้อํานวยการสํานักนโยบายและยุทธศาสตร์ ในการชี้แจงต่อคณะกรรมการต้องเป็นระดับอย่างน้อยรัฐมนตรี
                  หรือปลัดกระทรวง แต่เราก็ชี้แจงเป็นฉากๆ เลย โต้กันหมัดต่อหมัดในตอนหลังก็เบาลง ในจังหวะนั้น
                  ก็จับพลัดจับผลูเลยว่า กรมอื่นๆ นั้นผ่านไปได้หมดเลยเหลืออีกกรมเดียวที่ไปไม่รอดคือ กรมพินิจและคุ้มครองเด็ก
                  และเยาวชน ที่ยกฐานะจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางขึ้นเป็นกรม ในช่วงก่อนหน้านี้ก็มีทีม
                  ที่ดําเนินการอยู่หนึ่งถึงสองทีมแต่ก็ทําไม่สําเร็จ ซึ่งท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมในตอนนั้นคือท่านสมชาย  วงศ์สวัสดิ์

                  จึงบอกให้ผมไปดูหน่อยว่ากรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนทําไมทําไม่สําเร็จ เพราะนานไปเหลือเพียงกรมเดียว
                  ที่ดําเนินการไม่ได้ ซึ่งเดี๋ยวจะมีปัญหาในการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมในภาพรวม เพราะการปฏิรูปไม่ใช่แค่
                  กระทรวงๆ เดียวแต่ทั้งประเทศ กฎหมายของเราจะไปเป็นปัญหาของกระทรวงอื่น

                         ในช่วงนั้นร่างกายของผมก็ไม่ไหวแล้วร่างกายมีปัญหา ร่างกายผมนี่ทรุดโทรมมากเลย เพราะว่าไม่ได้หลับ
                  ไม่ได้นอน 3 - 4 คืนไม่ได้นอนเลย ซึ่งนอนก็งีบนิดนึงแล้วทํางานต่อ ขับรถไปคิดไปขับรถเลยไปเลย เกือบไปชนท้าย
                  รถเขาเพราะไม่ได้นอน ถุงน้ําดีเน่าต้องไปผ่าตัดออกเลย เยอะมากลําบากแต่ก็ต้องสู้ อันนี้ก็บอกภรรยาบอก
                  ให้ดูแลลูกให้ดีๆ เนื่องจากไม่มีเวลาดูแล จริงๆ ผมมีสองเรื่องก่อนหน้าโน่นเลย สมัยเมื่อปี 2537 - 2538 ก็ไปยุ่ง

                  กับธุรกิจนิดหน่อยธุรกิจไดเร็กเซลล์ของแอมเวย์ หลายคนไม่รู้นะแต่ก็ไปทํา ซึ่งเมื่อก่อนไม่ชอบขาย ขายไม่เป็น
                  ไม่ชอบง้อใคร เรามีอนาคตรับราชการมีปลอดภัยกว่า เพราะถึงจะไม่ชอบแต่ก็ไม่อยากตัดสัมพันธ์กับเพื่อน
                  คิดว่าคงไปครั้งเดียวแล้วก็กลับโดยในวันนั้นเดินทางไปสายด้วย และเพื่อนก็กันที่ให้นั่งด้านหน้าด้วย แล้วเมื่อถึงเวลา
                  นําเสนออะไรก็จะแย้งให้คนในห้องประชุมตาสว่างเลย เพราะยิ่งอ่านทําความเข้าใจเท่าไร ก็มีการดําเนินการ

                  ในรูปแบบลูกโซ่ปิรามิด ในตอนนั้นมีความรู้สึกว่าเราเก่งที่สุดอ่านมาหมดแล้ว แต่เมื่อถามเราอะไรมาก็ตอบได้
                  หมดเลย และถามไปถามมาเรารู้สึกเสียหน้า ทําให้เรารู้สึกว่าอยากจะทําเหมือนกันนะ จึงบอกกับแฟนว่าขอไป
                  ทําธุรกิจนี้หน่อยนะหากใช้เวลาทําแล้ว 5 ปีไม่สําเร็จจะเลิก ฝากขอให้ดูแลลูกด้วย อันนี้ฝากครั้งที่ 1
                         ฝากครั้งที่ 2 คือ ช่วงการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรม ผมทําได้ในระยะเวลา 18 เดือนผมก็สําเร็จแล้ว

                  ผมก็ทําต่อไปอีกสักปี 2 ปี ช่วงหลังมีภารกิจเยอะเลยไม่ได้ทําเลย แต่ก็มีรายได้อยู่ทุกวัน มียอดปีละนิดๆ
                  หน่อยๆ ปีละ 600 ล้าน ตอนนี้ก็มีเครือข่ายอยู่ ซึ่งก็ยังมีหลายคนวิ่งเอาเพื่อให้ได้ระดับเพชรหรือได้รับโล่
                  ก็มาปรึกษาผมอยู่ เพราะผมไม่ได้ทําเล่นๆ ในช่วงการฝากลูกครั้งแรกและในการฝากลูกครั้งที่ 2 ในการปฏิรูป

                  กระทรวงยุติธรรม ก็ฝากเสร็จแล้วก็ทํางานเต็มที่ พอทําสําเร็จในการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมแล้ว
                         ในช่วงนั้นท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมบอกว่าคุณมีความรู้ในงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
                  อยู่แล้วจึงขอให้ไปดูแลกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผมก็เลยขึ้นไปดํารงตําแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมพินิจ
                  และคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งก็ปฏิบัติหน้าที่เป็นอยู่หลายปี ต่อมาก็ไปดํารงตําแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ
                  หลังจากนั้นก็ได้ดํารงตําแหน่งเป็นอธิบดีกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ก็ได้ผลักดันภารกิจของกรมพินิจ

                  และคุ้มครองเด็กและเยาวชนในหลายด้าน เช่น การจัดทํามาตรฐานกลางในการพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15