Page 11 - Top Executive Sharing
P. 11
9
ให้เป็นไปตามมาตรฐานสหประชาชาติ รวมถึงการทํางานวิจัยซึ่งได้รับงบประมาณจาก สสส. เป็นจํานวนเงิน
หลาย 10 ล้านบาท ในการนี้ก็ให้ ดร.ขัตติยา รัตนดิลก ซึ่งจบจากต่างประเทศในด้านจิตวิทยาคลินิก
ด้านประสาทวิทยาคนเดียวในประเทศไทยมาช่วย ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจเรื่องนี้ดีโดยมาช่วยกันทําวางแผน
จนสามารถออกแบบจําแนกเด็กที่เป็นเครื่องมือแรกของประเทศไทยซึ่งไม่มีใครทํามาก่อน ก็ได้รับรางวัล
ที่ประเทศอังกฤษ เขาจะมอบรางวัลให้กับผมแต่ไม่รับแต่ขอให้เป็นการมอบรางวัลในนามของกรมพินิจ
และคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยรางวัลมาจาก IPPA ที่ครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้
ในส่วนของผมสามารถพิมพ์สัมผัสคอมพิวเตอร์ได้จึงไม่จําเป็นต้องพึงใครทุกอย่าง ซึ่งในระหว่างพิมพ์
หากฝุายเลขานุการคณะกรรมการไปห้องน้ํา ผมในฐานะประธานก็ไม่ยอมหยุดและประธานก็ไปนั่งทําเอง
โดยทําหน้าที่เป็นฝุายเลขานุการคณะกรรมการกระโดดไปกระโดดมาทําจนสําเร็จ สิ่งนี้ทําให้ผมมีชื่อเสียงอย่างมาก
ในด้านเด็กของประเทศไทย ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกับที่ผมเคยอยู่ที่ สนย. ก็เหมือนกัน ในเรื่องการทําแผนยุทธศาสตร์
ในประเทศไทย ให้มาดูแผนยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของส่วนราชการต้องมาดูที่สํานักนโยบายและยุทธศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม ในตอนนั้นก็ได้นําแผนยุทธศาสตร์มาจัดทําเป็นผังกระบวนงาน มีอินโฟกราฟิกติดเต็มผนังเลย
ซึ่งสามารถชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงได้ทั้งหมด ในเรื่องนี้สามารถนําความรู้ไปจัดทําหนังสือวางขายในท้องตลาด
โดยเขียนร่วมกันระหว่าง ดร.วัฒนา พัฒนพงศ์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผมและทีมงาน สนย. ทุกคน
ในเรื่อง Balanced Scorecard และ Log frame ซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดี มีการเชิญผมไปเป็นวิทยากรเพื่อจัดทํา
แผนให้กับบริษัทเอกชนและรัฐบาล ค่าตัวสูงสุดในการรับทําแผนวันละ 35,000 บาท รวมถึงการไปทําแผน
ในจังหวัดต่างๆ ด้วยเช่นกัน ต่อมาท่านสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ก็รับเป็นมือสองในการไปบรรยายต่อจากผม
ผมมีความคิดในเชิงการปฏิรูปตั้งแต่รับราชการที่กรมคุมประพฤติในระดับ 3 ความที่ผมมีความคิด
ที่ไม่เหมือนใครทําให้ผู้บริหารในระดับผู้ใหญ่จะคิดถึงเราตลอด พอมาทํางานที่ สนย. เราก็สร้างมาตรฐานขึ้นมาใหม่
พอมาดํารงตําแหน่งรองอธิบดีก็เหมือนกัน จนมาเป็นอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในระยะเวลา 4 ปี
และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในระยะเวลา 7 ปี ผมไม่รู้ว่าใครเป็นรองปลัดกระทรวงได้นานเท่าผมหรือไม่
ในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมาก็มี รัฐมนตรีบอกให้ไปอยู่ส่วนราชการตรงโน่นตรงนี้ แต่ผมก็บอกรัฐมนตรีว่าไม่ไป
แต่สิ่งที่ผมอยากไปแต่ท่านไม่ให้ผมไป โดยผมอยากไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมและอยากทํางาน
ในด้านการเป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ ได้ทําบันทึกเสนอไปแต่ก็ไม่ได้ไปทําในตําแหน่งดังกล่าว ก็เลยอยู่เป็นรองปลัด
กระทรวงยุติธรรม ได้รับใช้ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมสองสามท่านที่ผ่านมา ระหว่างดํารงตําแหน่งรอง
ปลัดกระทรวงยุติธรรมก็ได้ทําในหลายๆ อย่าง ในระหว่างที่มีม็อบปิดศูนย์ราชการก็ขึ้นมาปฏิบัติงานบนตึกไม่ได้
ทั้งนี้ ม็อบเขาไม่ได้ไม่พอใจกระทรวงยุติธรรม แต่ไม่พอใจการทํางานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ก็เลยเป็นที่รังเกียจของม็อบไปด้วย ก็มีน้องเจ้าหน้าที่
จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพแอบขึ้นมาเพื่อดูโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากประชาชน ซึ่งไม่ได้รับสายไป
เป็นจํานวนร้อยสาย ก็มาเล่าให้ผมฟังตอนที่อยู่ตึกซอฟแวร์ ปาร์ค ว่ามีคนมาร้องขอความช่วยเหลือเขาเข้ามาไม่ได้
เขามีความลําบากโน่นนี่นั่น พอถูกจับได้ผมเห็นที่ถูกจับมัด ผมก็บอกน้องว่าอย่าขึ้นมาอีกนะ น้องคนนี้ผมก็จํา
หน้าเขาไม่ได้เหมือนเป็นเรื่องเล่าเป็นนิยายหายไปเฉยๆ จากความทรงจํา ซึ่ง ณ ตอนนี้รัฐบาลมีนโยบาย
จะเจรจาก็เลยเชิญรองอธิบดีแต่ละกรมไปเจรจาที่บ้านทรงไทยตรงข้ามศูนย์ราชการฯ ผมก็ไปร่วมเจรจากับกรม
และกระทรวงอื่นๆ แต่ไม่สําเร็จ ผมเลยขอแยกเจรจาส่วนตัว และก็เชิญรองอธิบดีของเราไปด้วย โดยพระพุทธ
อิสระก็ฟังงานที่เราทําเพื่อประชาชน โดยท่านก็ทําเพื่อประชาชนเช่นกัน ต่างคนต่างทํางานเพื่อประชาชน
เช่นกัน ท่านอยากให้รู้เรารู้ว่าท่านลําบากอย่างไร ก็ให้ผมไปนอนร่วมกับม็อบสัก 3 - 5 คืนได้หรือไม่ ท่านคิดว่า
ผมคงไม่กล้านอนผมก็ไปนอนสามคืน คืนที่สามเพื่อนๆฝุายทหารที่เป็นรัฐบาลบอกว่าไม่ให้ผมอยู่ เพราะจะกลาย
เป็นน้ําผึ้งหยดเดียว เพราะผมไม่ใช่คนทั่วไป